SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
 
 
 
BOROSIL® Glassworks Ltd.  ผู้ผลิตเครื่องแก้วที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ คุณภาพสูง ก่อตั้งเมื่อปี 1962 ร่วมกับบริษัท Corning Glass Works USA เพื่อทำการผลิตเครื่องแก้วโบโรซิลิเกตที่มีอัตราการขยายตัวต่ำมาก
BOROSIL® เป็นผู้นำตลาดและมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของเครื่องแก้วที่ใช้ในห้องปฏิบัติการในประเทศอินเดีย โดยถือครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60% มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ติดต่อกัน เป็นยี่ห้อเครื่องแก้วที่นักวิจัยในประเทศอินเดียนึกถึงเป็นอันดับแรก เนื่องจากคุณภาพความทนทานของเครื่องแก้ว การออกแบบที่สะดวกต่อการใช้งาน ความเที่ยงตรงและแม่นยำของเครื่องแก้ววัดปริมาตร
 
จุดเด่น
  • ผลิตภัณฑ์ ทุกชนิดและทุกชิ้น* ผลิตจากแก้ว Borosilicate ASTM E-438 Type I Class A
  • คุณสมบัติ คือ สามารถทนน้ำ สารละลายกรด กรดแก่ สารอินทรีย์ และสารละลายเกลือต่างๆ ได้เป้นอย่างดี ไม่แตกง่าย เมื่อต้องเจอสภาวะปรับเปลี่ยนอุณหภูมิความร้อนโดยเฉียบพลัน (Thermal Shock)
  • มีแล็ปสอบเทียบที่ได้ตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025:2005 ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า มาตรฐานการผลิตเครื่องแก้ววัดปริมาตรของ BOROSIL® นั้นมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล ซึ่งหากท่านต้องการผลิตภัณฑ์ที่มี Certificate รับรองจากแล็ป ISO 17025 สำหรับเครื่องแก้วรายชิ้นนั้นๆ ก็สามารถสอบถามและขอรับบริการนี้ได้เช่นกัน
  • ที่สำคัญ! เครื่องแก้วทุกชนิดที่เป็น Volumetric Class A ก็มี Batch Certificate ให้ สำหรับลูกค้าของทางบริษัท ฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

*ยกเว้น  ผลิตภัณฑ์ ที่ระบุว่า S-Line นั้น จะทำมาจากแก้ว Soda Lime

อ่านรายละเอียดแบรนด์นี้เพิ่มเติม >> Brand Profile of BOROSIL®

 

มาตรฐานรับรองการผลิตต่างๆ ของ Borosil

              

 

SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!

Loba Chemie Product Lines

SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!

Summary of Features & Benefits 

Commercial Benefits

  • Ready to use (dilute for use as calibration and/or quality control standards)
  • Extensive range of organic compound mixes and single compound standards available
  • Can be used with a variety of instruments including GC, GC-MS, HPLC and LC-MS
  • Designed specifically for use in EPA or EU analytical methods
  • Presented in high quality amber ampoules
  • Customised formulations available

Technical Benefits

  • Produced in accordance with EPA methods
  • Consistency of product - independent, Traceable, Certified
  • Ideal for use in EPA 500, 600 and 8000 series methods
  • Certificates of Analysis and Safety Data Sheets available online

 

Reagent and Standards for specific Industry

นอกจากแค็ตตาล็อกหลักแล้ว Reagecon ยังได้มีการพัฒนาแค็ตตาล็อกสินค้าโดยแยกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยนำเสนอกลุ่มสินค้า สารมาตรฐาน ตามการใช้งานเฉพาะของแต่ละประเภทอุตสาหกรรม เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาสารที่จำเป็นและเหมาะสมต่องานของผู้ใช้งานโดยตรง  ทำให้ประหยัดเวลาในการค้นหาสารมาตรฐานอันยุ่งยากได้เป็นอย่างดี

ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

 

 

SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
 
 

SPEXOrganics  (Organic Certified Reference Materials).

Serving the Chromatography Community, One Peak at a Time™

SPEX CertiPrep Organic Certified Reference Materials สารมาตรฐานอินทรีย์สำหรับใช้ในการวิเคราะห์กับเครื่องมือ GC, GC/MS, LC และ LC/MS ในงานทดสอบหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น volatiles, semi-VOAs, ยาฆ่าแมลง, ปิโตรเคมี, เชื้อเพลิงชีวภาพ (biodiesel), น้ำดื่ม, ไวน์, phthalates, อุตสาหกรรมยา และ residual solvents 
มีสาร single-component standards ให้เลือกมากกว่า 4,000 รายการ บรรจุขนาด 1ml ampules ซึ่งมาพร้อมกับขวดไวแอล  “transfer/storage vial” อำนวยความสะดวกให้ท่านพร้อมใช้งานได้ทันที 

Features of SPEXOrganics  

  • มีสารมาตรฐานองค์ประกอบเดี่ยว(Single-component standards) ที่ความเข้มข้น  1,000 ug/mL มากกว่า 4,000 ชนิด  
  • สามารถกำหนดความเข้มข้นของสารมาตรฐานที่ต้องการให้มีความเข้มข้นสูงกว่าหรือต่ำกว่าสเป็คมาตรฐานได้
  • ขนาดบรรจุภัณฑ์มีให้เลือกใช้ตั้งแต่  แบบ หลอดแก้ว ampules  ขนาด 1 mL ไปจนถึง  แบบขวดขนาด 1 L
  • สามารถเลือกสารมาตรฐานหลายองค์ประกอบ (Multi-components standards)ได้หลากหลายมากมาย  
  • รับประกันความเข้มข้นองค์ประกอบของสารมาตรฐาน
  • รับประกันความเสถียรของสารมาตรฐานแต่ละตัว
  • มี Isotopically labeled standards  สำหรับ Internal standard, Surrogate และ Isotope Dilution analysis ให้เลือก
  • สามารถเลือกบรรจุภัณฑ์ตามแบบที่ต้องการเป็นพิเศษได้
  • สามารถกำหนดการผสมสารมาตรฐานได้ตามความต้องการของลูกค้า

 

Value of SPEXOrganics  

  • SPEX CertiPrep  ผู้จัดหาสารมาตรฐานที่มีคุณภาพสูงสุด
  • สิ่งเจือปน (Impurity) ถูกทดสอบด้วยเทคนิค GC/MS ในความเข้มข้นที่ระดับ ppm  และระบุไว้ใน Certificate of Analysis (COA)
  • มีรายงานค่าความไม่แน่นอน (Uncertainty value) ของสารมาตรฐาน ในใบรับรองค่าการวิเคราะห์ (COA)
  • น้ำหนักที่ใช้สอบกลับได้ตาม  National Institute of Standards and Technology (NIST Traceable)
  • ผลิตโดยนักเคมีที่มีประสบการณ์โดยเฉลี่ยมากว่า 20 ปี ทำให้สามารถมั่นใจในคุณภาพได้สูงสุด
     
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!
SPEXInorganics
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ ICP หรือ IC-MS ของคุณ!

 

CATO Focus On Analytical Standards

สารมาตรฐานของ CATO นั้นมีให้เลือกใช้มากมายหลายหมื่นรายการ เพื่อให้ตอบสนองต่อลักษณะงานและอุตสาหกรรมด้านต่างๆ โดยมีทั้งสารมาตรฐานในรูปแบบสารละลายเตรียมพร้อมใช้งานและในรูปแบบสารผง

" นอกจากนี้ มีสารมาตรฐานมากกว่า 130 รายการที่ CATO เป็นผู้ผลิตรายเดียวในโลก "

โดยมีกลุ่มสินค้าแยกตามประเภทดังต่อไปนี้

  • Pharmaceutical Impurities
  • Industry Reference Standards
  • Pesticide Residue Reference Standards
  • Veterinary Drugs Reference Standards
  • Food Reference Standards
  • Environmental Reference Standards
  • Natural Products Reference Standards

 

 

 

 

Honeywell Riedel-de Haën™  

มีความโดดเด่นในสารเคมีกลุ่ม Solvents หรือสารละลายความบริสุทธิ์สูง มีให้เลือกใช้หลากหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ได้รับการออกแบบเฉพาะตามความต้องการของแต่ละวิธีการวิเคราะห์ที่เฉพาะเจาะจง เช่น งานทางด้าน Chromatography : LC-MS, UHPLC, GC-Headspace และ GC เป็นต้นและเหมาะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย 

กลุ่มสารละลายของ Honeywell Riedel-de Haën™  แบ่งได้ 4  ประเภทหลักๆ ดังนี้

  1. Anhydrous Solvents
  2. High Purity Solvents
  3. TraceSELECT™ Solvents
  4. Pharmacopeia Solvents

With strict Quality management

 DUKSAN แบรนด์ผู้ผลิตสารเคมีสำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการชั้นนำจากประเทศเกาหลี ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1970 โดยผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพทั้ง ISO 9001 และ ISO 14001

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตสารเคมีความบริสุทธิ์สูง กว่า 40 ปี ปัจจุบัน DUKSAN จึงเป็นผู้นำในการผลิต High Purity Solvents มาตรฐานสูงที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและสามารถการันตีคุณภาพให้กับแบรนด์สารเคมีแล็ปยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในโลกสัญชาติอเมริกาอีกหลายแบรนด์ผ่านธุรกิจ OEM

 

► High Purity Solvents

     »  LC-MS         สำหรับใช้ในงานวิเคราะห์ด้วยเครื่อง LC-MS

     »  Ultimate      เกรดอเนกประสงค์ เหมาะกับงานวิเคราะห์สารอินทรีย์ตกค้างและงานที่ใช้เทคนิค HPLC

     »  Pesticide    เกรดวิเคราะห์สารฆ่าแมลงตกค้าง

     »  HPLC          เกรดสำหรับงานวิเคราะห์ HPLC, Gas chromatography, Spectrophotometry เป็นต้น

     »  Bio              เกรดสำหรับงานวิเคราะห์ทางชีววิทยา เช่น Nucleic acid, peptide synthesis

     »  Ultra Dry     เกรดสำหรับงานวิเคราะห์ที่ควบคุมปริมาณน้ำ ( Low water application )

 

► Ion-pair reagent

     »  1-Octane Sulfonic acid Sodium salt (Pic B 8)

     »  1-Heptane Sulfonic acid Sodium salt (Pic B 7)

     »  1-Hexane Sulfonic acid Sodium salt (Pic B 6)

     »  1-Pentane Sulfonic acid Sodium salt (Pic B 5)

 

 

ผลิตภัณฑ์สารเคมีของ Fisher Chemical สามารถจัดประเภทกลุ่มสินค้าตามการใช้งานและระดับความบริสุทธิ์ได้ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน  ได้แก่ 

1   Application      กลุ่มสารเคมีสำหรับใช้กับเครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูง

2.  For Analysis    กลุ่มสารเคมี สำหรับงานวิเคราะห์ทั่วไปทั้งแบบ Qualitative และ Quantitative Analysis

3. Specified           กลุ่มสารเคมีสำหรับงานวิเคราะห์พื้นฐานแบบ Qualitative Analysis เท่านั้น

4.  Titration            กลุ่มสารเคมีสำหรับงานไทเทรต

 

▄   Fisher Chemical packaging
for quality, safety and convenience

Fisher Chemical มีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลายขนาด เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการและรูปแบบ ลักษณะงานต่างๆ ของผู้ใช้

 

▄  Totally recyclable packaging
Reducing, re-using, recycling

For Analysis    กลุ่มสารเคมี สำหรับงานวิเคราะห์ทั่วไปทั้งแบบ Qualitative และ Quantitative Analysis

Specified       กลุ่มสารเคมีสำหรับงานพิเคราะห์พื้นฐานแบบ Qualitative Analysis เท่านั้น

Titration        กลุ่มสารเคมีสำหรับงานไทเทรต

AcroSeal packaging brochure

 

This new entirely revised and updated AcroSeal brochure includes: 

• A complete list of products in AcroSeal packaging, including the new 4x25mL AcroSeal range

• Also featuring our range of AcroSeal solvents packaged over molecular sieves

• An improved format with products categorized by chemical families to enable easier searching

• An alphabetical index

• AcroSeal packaging highlights

• The recommend process for using AcroSeal products

 

Over 1,000 Products

Our Extensive line includes product for :

  • Nucleic Acid Electrophoresis, Purification, Hybridisation and Sequencing
  • Polymerase Chain Reaction (PCR)
  • Protein Purification and Electrophoresis
  • Buffers and Detergents
  • Cell Biology/Cell Culture
  • Microbiology/Immunology

  End-to-end solutions for molecular biology, protein chemistry and cell biology

  • Agar
  • Agarose
  • Amino Acids
  • Biological Buffers
  • Cell Regulation Compounds
  • DNA Ladders
  • Microbial Media
  • PCR Enzymes
  • Protein Stains
  • RNA Perification
  • Southern Blot
  • Tissue Stains
  • etc.

◆  Vital reagents for life science research

  • Ultra-high purity
  • Prequalified for the life science application
  • Fisher BioReagents are among the finest in the industry

 

 

AcroSeal packaging: drier reagents for longer

When using air- and moisture-sensitive solvents and reagents, it is essential that these products are not only as dry as possible when you first use them, but they should remain dry in storage as well. Through the innovative quadrant-style screw cap and specially designed septum, AcroSeal packaging ensures that you have access to high-quality and lowmoisture products every use, guaranteeing improved yield and consistency of your research experiments while reducing chemical waste.

Ultrapure Inorganics

High purity inorganics with ultra low metal contaminants have many important applications in today’s high technologies, ranging from optical fibers to solar panels. Acros Organics offer a line of ultra pure inorganics with trace metal content less than 100 ppm to as low as 1 ppm. In order to meet the increasing market demand, we have recently expanded our ultra purity inorganics offering by 50%. In this brochure, you will find the overview of the five most important applications of our ultra high purity inorganics.

  • Catalysis
  • Crystal Growth Technology
  • Photovoltaic Materials
  • Optical Fibers
  • Lasers

 

Honeywell Fluka™ 

 

 

แบรนด์สารเคมีความบริสุทธิ์สูงเกรดวิเคราะห์สำหรับห้องปฏิบัติการคุณภาพพรีเมียม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากคือสารกลุ่ม  Hydranal™ สำหรับงานไตเตรท  Karl Fischer ที่วิเคราะห์หาปริมาณน้ำในสารตัวอย่าง และ TraceSELECT™ สำหรับการวิเคราะห์ Trace analysis เพื่อหาปริมาณโลหะเจือปนหรือสารตกค้าง  รวมไปถึงสารเคมีอนินทรีย์และรีเอเจ้นท์ที่เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ที่หลากหลาย ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มกรด เบส เกลือ และบัฟเฟอร์ เป็นต้น

     

Honeywell Fluka™ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์เด่น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. HYDRANAL : สามารถแบ่งตามลักษณะการใช้งานได้ 4 กลุ่ม ดังนี้

    1.1 Coulometry

    1.2 Volumetry

    1.3 Water Standards (Titer Standardization and Instrument Inspection)

    1.4 Auxiliaries for Karl Fischer Titration 

 2. Acids, Bases & Salts

 3. TraceSELECT& Ultra-TraceSELECT

 

และนอกจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเด่นทั้ง 3 ข้างต้นแล้วนั้น Honeywell Fluka™ ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน และเทคนิคการวิเคราะห์ที่หลากหลายในปัจจุบันอีกด้วย

 

 

Impurities Reference



Analytical Reagents

สารเคมีประเภท Analytical Reagents จากแบรนด์ SAMCHUN ให้บริการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ามากมายหลายกลุ่มตามการใช้งานกว่า 5000+ รายการ เพื่อตอบสนองและรองรับตามความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม โดยสามารถแบ่งแยกกลุ่มสินค้าตามประเภทต่างๆได้ ดังนี้

กลุ่มที่สินที่ทำ Stock พร้อมส่ง (เฉพาะบางรายการ)

  • Solvents for HPLC (Hish Performance Liquid Chromatography Analysis)
  • Solvents for GC, URA, PRA, NANO (Pesticide Residue Analysis)
  • Normal Solutions for Volumetric Analysis
  • Pharmaceutical Reagents
  • General Reagents

กลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่สามารถสั่งซื้อได้

  • AAR (Atomic Absorption Reagents)
  • IC (Ion Chromatography)
  • PMR, RHM (Analysis of Harmful Metal Metal Residue)
  • Reagents for Nonaqueous Titration
  • pH Buffer Standard Solution
  • Reagent for Electrod
  • CMOS, EL
  • Karl Fisher Reagents (Water Content Titration)
  • Fuel CellMeterials (SOFC Nano powder)


Food Additives

SAMCHUN มีการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าประเภท วัตถุเจือปนอาหาร (Food Additives) มากกว่า 30 ชนิด สำหรับใช้เป็นสารปรุงแต่งในการตรวจวิเคราะห์และเพิ่มคุณภาพอาหาร นอกจากนี้ยังมีจำหน่าย Raw Materials สำหรับใช้ในการถนอมอาหารอีกด้วย

วัตถุเจือปนอาหาร (Food Additive) คือ วัตถุที่ตามปกติไม่ได้ใช้เป็นอาหารหรือส่วนประกอบที่สำคัญของอาหาร ไม่ว่าวัตถุนั้นจะมีคุณค่าทางอาหารหรือไม่ก็ตาม แต่ใช้เป็นสารเจือปนในอาหารเพื่อประโยชน์ทางเทคโนโลยีการผลิต การแต่งสีอาหาร การปรุงแต่งกลิ่นรสอาหาร การบรรจุ การเก็บรักษา หรือการขนส่ง ซึ่งมีผลต่อคุณภาพ มาตรฐาน หรือลักษณะของอาหาร

รวมถึงวัตถุที่ไม่ได้เจือปนในอาหาร แต่มีภาชนะบรรจุไว้เฉพาะแล้วใส่รวมกับอาหารเพื่อประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นด้วย เช่น วัตถุกันชื้น วัตถุดูดออกซิเจน เป็นต้น โดยไม่รวมถึงสารอาหารที่เติมเพื่อเพิ่มหรือปรับให้คงคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน

ประเภทของวัตถุเจือปนอาหาร มีดังนี้

  • สารป้องกันการหืน (Antioxidant)
  • สารช่วยให้สี กลิ่น รส (Sequestrant)
  • กรดอินทรีย์ (Organic Acid)
  • สารที่ช่วยให้ข้นหรือช่วยให้คงตัว (Thickening Agent and Stabilizing Agent)
  • สารที่ทำให้เกิดเจล (Gelling Agent)
  • สีผสมอาหาร (Coloring Agent)
  • สารปรุงแต่งกลิ่นรสอาหาร (Flavoring Agent)
  • สารเสริมรส (Flavor Enhancer) สำหรับกระตุ้นกลิ่นรสของอาหาร
  • สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (Sugar Substitute)
  • สารปรับความเป็นกรด-ด่าง (Acid Eegulator) เพื่อควบคุมความเป็นกรด-ด่างของอาหาร เช่น กรด ด่าง บัฟเฟอร์
  • สารเคลือบผิว (Glazing Agent)
  • สารช่วยให้คงรูป (Firming Agent) เพื่อให้เนื้อเยื่อของผัก ผลไม้ คงรูป
  • สารช่วยเก็บความชื้น (Humectant) ป้องกันไม่ให้อาหารแห้ง
  • สารทำให้เปียก (Wetting Agent)
  • สารปรับคุณภาพแป้ง (Flour Treatment Agent) เติมลงไปในแป้งเพื่อปรับปรุงคุณภาพ และสี ของผลิตภัณฑ์
  • เอนไซม์ (Enzyme)
     

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

Food Additive (วัตถุเจือปนอาหาร) - การใช้งานและกฎหมายขึ้นทะเบียน อย
Web site: 
https://www.tinnakorn.com/articles/food-additive/

Food Additive / วัตถุเจือปนอาหาร
Web site: http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/0331/food-additive-วัตถุเจือปนอาหาร

 


Pharmaceutical Raw Materials

SAMCHUN ให้บริการจำหน่ายสินค้าด้าน Pharmaceutical Raw Materials ซึ่งได้รับการรับรอง BGMP ในปี 2544 เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมยาของประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังมี Lab R&D ที่ใช้พัฒนาส่วนผสมและวัตถุดิบสำหรับใช้ผลิตยาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

Pharmaceutical Raw Materials ที่พัฒนาเพื่อจัดจำหน่ายประกอบไปด้วยสารตั้งต้นหรือองค์ประกอบที่ใช้สำหรับการผลิตยาประในรูปแบบต่างๆ มีดังนี้

  • ตัวยาสำคัญหรือสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Active Pharmaceutical Ingredients: API) คือสารที่อยู่ในเภสัชภัณฑ์ มีฤทธิ์ในการบำบัดรักษา โดยแต่ละชนิดอาจมีตัวยาสำคัญเพียงชนิดเดียวหรือมีหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ร่วมกันได้
  • สารมัธยันต์ (Intermediates) หรือสารตัวกลางที่เกิดขึ้นระหว่างการทำปฏิกิริยาทางเคมีจะเกิดในขั้นแรกๆ แล้วถูกใช้ในขั้นต่อๆ ไปขั้นใดขั้นหนึ่ง
  • สารเคมีเกรดยา (Traceable to Pharmaceopia) สารเคมีสำหรับใช้ในการผลิตยาที่มีความสามารถสอบกลับไปยังเภสัชตำรับต่างๆได้ เช่น USP, BP, EP, และอื่นๆ


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

Takeda - องค์ประกอบหลักที่เป็นหัวใจของนวัตกรรมของเรา
Web site: https://www.takeda.com/th-th/our-stories/innovation/the-key-elements-at-the-heart-of-our-innovation/

Wikipidiea - ตัวยาสำคัญ
Web site: 
https://th.wikipedia.org/wiki/ตัวยาสำคัญ

 


Synthesis & Industrial Raw Material

SAMCHUN มีการผลิตสินค้าประเภทสารสังเคราะห์ทางเคมีทั่วไปและชนิดพิเศษมากกว่า 300 ชนิด ดังนี้

  • สารลดแรงตึงผิว (Surfactant)
  • วัสดุสำหรับใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง (Cusmetic Raw Materials)
  • วัสดุสังเคราะห์อื่นๆที่สามารถสั่งผลิตได้ตามความตามการของลูกค้า (Synthesis of customer Orders)

SAMCHUN CHEMICALS มุ่งเน้นผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมถึงกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยได้รับมาตรฐานสากล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อการใช้งานของลูกค้า ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Synthesis & Industrial Raw Material จึงเป็นที่นิยมและตอบโจทย์งานส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตวัสดุสังเคราะห์ทางเคมีประเภทต่างๆ อันดับหนึ่งในเกาหลีใต้



Bio Chemical Reagents

SAMCHUN มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทสารเคมีทางชีวภาพ (Bio Chemical Reagents) ที่ผลิตจากพลังงานชีวภาพทดแทน ซึ่งได้มีการพัฒนาโดย Lab R&D ในหน่วยงานของ SAMCHUN Pure Chemicals* เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา 

สินค้าที่กลุ่ม BIO Chemical Reagents มีดังนี้

  • PMP (Pre-Made Products)
  • Precast Gel
  • Culture media
  • Microorganism experiment / Cell experiment
  • Electrophoresis

*SAMCHUN Pure Chemicals เป็นแบรนด์ย่อยของ SAMCHUN ที่เน้นในด้านการวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
 


 

Catalysts

Alfa Aesar เป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts) แบบครบวงจรที่มีชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ Thermo Fisher Scientific ซึ่งผลิตตามข้อกำหนดที่เข้มงวดและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 9001, ISO 14001 มีกลุ่มผลิตภัณฑ์รองรับการให้บริการที่หลากหลาย เช่น Fuel Cell Products, Precious Metal & Catalysts, Zeolite เป็นต้น

ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts) คือ สารที่เติมลงไปในปฏิกิริยาแล้ว ทําให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น หรือทําให้อัตรากการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น โดยที่ตัวเร่งปฏิกิริยาอาจจะมีส่วนร่วมในการเกิดปฏิกิริยาด้วยหรือไม่ก็ได้แต่เมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยา ตัวเร่งเหล่านี้จะมีต้องมีปริมาณเท่าเดิมและมีสมบัติเหมือนเดิม การที่ตัวเร่งปฏิกิริยาสามารถเพิ่มอัตราการเกิดปฏิกิริยาได้เนื่องจากว่า ตัวเร่งปฏิกิริยาช่วยลดพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาให้ตํ่าลง จึงทําให้มีโมเลกุลที่มีพลังงานสูงกว่า หรือเท่ากับพลังงานก่อกัมมันต์จํานวนมากขึ้น ปฏิกิริยาเคมีจึงเกิดเร็วขึ้น แต่จะไม่ทําให้พลังงานของปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไปดังรูป


รูปแสดงผลของตัวเร่งปฏิกิริยาต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

จากกราฟจะเห็นว่าพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาจะตํ่ากว่าพลังงานก่อกัมมันต์ของ ปฏิกิริยา แต่พลังงานของปฏิกิริยายังคงเท่าเดิม เนื่องจากตัวเร่งปฏิกิริยาเพียงแต่ทําให้พลัง
งานก่อกัมมันต์ลดลง ไม่ทําให้พลังงานของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงในการเติมตัวเร่งปฏิกิริยาควรใช้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากหากใช้มากเกินไป ตัวเร่งปฏิกิริยาอาจกลายเป็นสารตั้งต้นสารหนึ่งที่เข้าทําปฏิกิริยา ทําให้ปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไป

ปฏิกิริยาหนึ่งอาจใช้ตัวเร่งปฏิกิริยามากกว่าหนึ่งชนิดและตัวเร่งปฏิกิริยาชนิดหนึ่ง อาจใช้เร่งปฏิกิริยาได้หลายชนิดเช่นเดียวกัน เช่น

  • การย่อยอาหารในร่างกายใช้เอนไซม์หลายชนิดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
  • ในกระบวนการเติมไฮดดรเจน แก่ สารอินทรีย์ใช้นิกเกิลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
  • ในกระบวนการแตกสลายไฮโดรคาร์บอนในการกลั่นนํ้ามันใช้ซิลิคอนไดออกไซด์และอะลูมิเนียมออกไซด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst)
Web site: http://www.digitalschool.club/digitalschool/biology2_1_1/biology1_1/more/page3.php

ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา
Web site: https://il.mahidol.ac.th/e-media/ap-chemistry2/kinetics/catalyst.htm

อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
Web site: 
http://science.nongkhai2.go.th/onuma01/sec01p16.htm


 

Nanomaterials

วัสดุนาโนหรืออนุภาคนาโน (nanomaterials) เป็นอนุภาคที่มีขนาดในระดับ 1-100 nm ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเกิดจากการผลิตขึ้น โดยวัสดุนาโนมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่

  • วัสดุที่มีธาตุคาร์บอนเป็นหลัก (carbonbased materials) เช่น Fullerenes C60, Carbon nano-tubes
  • วัสดุนาโนสารกึ่งตัวนำและโลหะ (semiconductor and metal nanomaterials) เช่น Titanium dioxide:TiO2, Zinc sulfide: ZnS, Silver: Ag

วัสดุนาโนสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่

วิธีที 1 แบ่งโดยพิจารณาว่าวัสดุนั้นได้รับการผลิตขึ้นโดยจงใจหรือไม่ วิธีนี้แบ่งวัสดุนาโนออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • วัสดุนาโนที่พบได้ตามธรรมชาติ (natural nanomaterial) หมายถึงวัสดุนาโนที่มีปะปนอยู่กับสิ่งแวดล้อม (ดิน น้ำ บรรยากาศ) ทั่วไป เช่น อนุภาคของแร่ต่างๆ จากไฟไหม้ป่า ฯลฯ
  • วัสดุนาโนที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยบังเอิญ (incidental nanomaterial) หมายถึงวัสดุนาโนที่ไม่ได้มีอยู่เดิมในธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้รับการสังเคราะห์ขึ้นมาอย่างจงใจ11 เป็นต้นว่าอนุภาคในควันไฟที่พบได้เสมอในครัว หรือแม้แต่ที่มองไม่เห็นว่าเป็นควัน เช่นจากการเผาเชื้อเพลิงที่เรียกว่าแอลกอฮอล์แข็ง หรือในไอเสียจากเครื่องยนต์ชนิดต่างๆ วัสดุนาโนที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยบังเอิญ มักจะมีขนาดต่างๆ กัน ทั้งในระดับนาโนและใหญ่กว่านาโน ปะปนกันอยู่
  • วัสดุนาโนที่ผลิตขึ้น (manufactured nanomaterial) หมายถึงวัสดุนาโนที่ไม่พบปกติในธรรมชาติ แต่ได้รับการออกแบบ และผลิตขึ้นอย่างจงใจ ให้มีสมบัติโดยเฉพาะเจาะจง และมักมีขนาดใกล้เคียงกัน

วิธีที 2 แบ่งโดยพิจารณาโครงสร้างของวัสดุนั้น ว่ามีขนาดภายนอกอยู่ในระดับชองขนาดนาโนหรือไม่ วิธีนี้แบ่งวัสดุนาโนออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • วัตถุนาโน (nano-object) มีขนาดภายนอก ไม่ว่าจะ 1 หรือ 2 หรือทั้ง 3 มิติเป็นขนาดนาโน
  • วัสดุที่มีโครงสร้างนาโน (nanostructured material) ถึงแม้ภายนอกจะมีขนาดใหญ่กว่านาโน แต่ก็มีโพรง มีรู หรือมีส่วนประกอบที่มีขนาดนาโน ผสมหรือเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น ผงที่มีโครงสร้างนาโน (nanostructured powder), วัสดุผสมนาโน (nanocomposite), วัสดุนาโนกระจายตัว (dispersion), วัสดุนาโนที่ีมีรูพรุน (nanoporous material), วัสดุที่มีนาโนบนพื้นผิว (surface-structured nanomaterial), และ อนุภาคที่มีโครงสร้างนาโนเป็นแกนและเปลือก (nanostructured core-shell particle)

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

Nanosafety - วัสดุนาโน
Web site:
 http://nict.sc.chula.ac.th/site/index.php/technology/risk/nanomaterial

National Science - Nanomaterial
Web site: 
https://www.nsm.or.th/other-service/2076-online-science/knowledge-inventory/sci-vocabulary/sci-vocabulary-nsm


Inorganics

สารอนินทรีย์ (Inorganic) หมายถึง สารประกอบอื่นๆ ที่ไม่ใช่สารอินทรีย์ สารอนินทรีย์ประกอบด้วยธาตุต่างๆ จำนวนมาก เช่น S, O, Cl, Na, Mg, Al, และ C เป็นต้น

สารประกอบอนินทรีย์ (Inorganic Compound) คือสารประกอบเคมีที่นิยามตรงข้ามกับสารประกอบอินทรีย์เป็นการจัดแบ่งสารเคมีตามความเชื่อแต่ดั้งเดิม ที่ให้สารเคมีที่ไม่ได้เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตเป็นสารประกอบอนินทรีย์ สารประกอบอนินทรีย์มักไม่มีพันธะเชื่อมระหว่างอะตอมของคาร์บอนและไฮโดรเจนถึงแม้สารประกอบอนินทรีย์จะมีอยู่มากมายแต่เทียบไม่ได้กับจำนวนของสารประกอบ อินทรีย์ที่มีอยู่ในโลก สารประกอบคาร์บอนเกือบทั้งหมดถูกจัดให้เป็นสารประกอบอินทรีย์แต่ก็มีบางตัว ถูกกำหนดชัดเจนว่าเป็นสารประกอบอนินทรีย์ เช่น

  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide)
  • คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide)
  • คาร์บอเนต (Carbonate)

จะเห็นได้ว่าสารประกอบทั้งหมดข้างต้นไม่มีอะตอมของไฮโดรเจนเชื่อมต่อกับ คาร์บอนเลย ในอดีตเชื่อกันว่าสารประกอบอินทรีย์มีอยู่ในสิ่งมีชีวิติเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราสามารถสังเคราะห์สารประกอบอินทรีย์ได้มากมายโดยสารประกอบ เหล่านี้ไม่เคยอยู่ในสิ่งมีชีวิตเลย เช่น ยา (Drug) และพลาสติก (Plastic) ในขณะที่สารประกอบอนินทรีย์มากมายที่มีความจำเป็นและอยู่ในสิ่งมีชีวิต (Life) เช่นโซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride-Common Salt), กรดคาร์บอนิก (Carbonic Acid), สารประกอบฟอสเฟต (Phosphate), สารประกอบเหล็ก (Iron) การศึกษาสารประกอบโลหะในสิ่งมีชีวิตเรียกว่าไบโออนินทรีย์เคมี (Bioinorganic Chemistry)

สารประกอบอนินทรีย์ คือ สารที่ไม่ใช่สารที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจน โดยส่วนใหญ่ แต่จะมีธาตุที่เป็นโลหะ คือฝั่งซ้ายของตารางธาตุ ซึ่งธาตุโลหะนี้ จะมีลิแกนด์ เอาไว้แลกเปลี่ยนไอออน ซึ่งลิแกนด์จะมีทั้งไม่มีประจุและมีประจุ เช่น NH4+, NH3, H2O, CO, CO2, SO4, S2O3 และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งโดยส่วนมากจะอยู่ในรูปสารประกอบเชิงซ้อนที่มีเป็นสีๆ เช่นในดอกไม้

ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในสารอนินทรีย์ มีด้วยกัน 4 ชนิดคือ

  • ปฏิกิริยารวมตัว (Combination Reaction)
    Sample Reaction:   Ba + F2 ---> BaF2
  • ปฏิกิริยาแตกตัว (Decomposition Reaction)
    Sample Reaction:   2H2O ---> 2H2 + O2
  • ปฏิกิริยาแทนที่ตำแหน่งเดียว (Single Displacement Reaction)
    Sample Reaction:   CaCl2 + 2Na ---> Ca + 2NaCl
  • ปฏิกิริยาแทนที่คู่ซึ่งกันและกัน (Double Displacement Reaction)
    Sample Reaction:   HCl(aq) + NaOH(aq) ---> NaCl(aq) + H2O(liquid)

สาขาของวิชาเคมีอนินทรีย์ มีดังนี้

  • เกลือแร่ (Minerals) เช่น เกลือ, แอสแบสโทส (Asbestos) , ซิลิเกต (Silicate) ฯลฯ
  • โลหะ (Metals) และโลหะผสม (Alloys) เช่น เหล็ก, ทองแดง, อะลูมิเนียม, ทองเหลือง, สัมฤทธิ์ ฯลฯ
  • อโลหะ เช่น ซิลิกอน, ฟิสฟอรัส, คลอรีน, ออกซิเจน สารประกอบของอโลหะ เช่น น้ำ
  • โลหะเชิงซ้อน (Metal Complexes)

สารประกอบเคมีอนินทรีย์ที่มีความสำคัญทางการค้า ได้แก่ สารกึ่งตัวนำ เช่น

  • ซิลิกอนชิพ (Silicon Chips)
  • ทรานซิสเตอร์ (Transistors)
  • จอแอลซีดี (Liquid Crystal Display Screens)
  • ใยแก้วนำแสง (Fiber Optical Cables)
  • ตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี (Catalysts)

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

สารประกอบอนินทรีย์ (Inorganic Compound)
Web site:
 https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7104-inorganic-compound

เคมีอนินทรีย์
Web site:
 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%


Metals & Materials

โลหะ (Metals) คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่างๆ โลหะที่นํามาใช้งานส่วนใหญ่ จะผ่านการปรับปรุงสมบัติให้ ดีขึ้นก่อนนํามาใช้งาน โลหะเป็นวัสดุที่นํามาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีสมบัติที่ดีมากมาย เช่น เป็นตัวนําความร้อนและนําไฟฟ้าได้ดีมีความแข็งแรงสูง มีความคงทนถาวร ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพง่าย เป็นวัสดุทึบแสง สามารถป้องกันไม่ให้แสงผ่าน ทนทานต่อการกัดกร่อน มีความสวยงาม ผิวของโลหะสามารถขัดให้เป็นเงาวาว สามารถตีเป็นแผ่นบางหรือดึงให้เป็นเส้นลวดได้ โลหะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่คือ โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous Metals) และโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-Ferrous Metals)

โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous Metals)

โลหะที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก แบ่งออกเป็นเหล็กกล้า (Steel) และเหล็กหล่อ (Cast Iron) ซึ่งมีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ในปริมาณที่ต่างกันตั้งแต่ 0.1% ไปจนถึง 4% คาร์บอนที่ผสมลงในเหล็กมี ผลต่อความแข็งแรง ความแขงและความเปราะของเหล็ก โดยทั่วไปโลหะกลุ่มเหล็กจะเกิดสนิมและมีสมบัติ ดูดติดกับแม่เหล็กได้มีความแข็งแรงสูง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนแปลงรูปทรงโดยการกลึง เจาะ รีดเป็นแผ่นบางได้ตามที่ต้องการ

  • เหล็กกล้า (Steel)
    เป็นเหล็กที่ใช้มากที่สุด เพราะมีความแข็งแรงสูง มีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ระหว่าง 0.1-1.7% โดยเหล็กกล้าที่มีคาร์บอนมากจะมีความแข็งมาก แต่ก็จะเปราะมากขึ้นเช่นกัน
    การใช้งาน: ของใช้ในครัวเรือน กระป๋องบรรจุภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ลวด กรรไกร ใบมีดโกน น็อต สกรู

  • เหล็กหล่อ (Cast Iron)
    มีปริมาณคาร์บอนระหว่าง 2–4% ทําให้ เหล็กมีความแข็งมากแต่เปราะ มีความเหนียวน้อย ไม่สามารถขึ้นรูปด้วยการรีดหรือดึงที่อุณหภูมิสูงได้ จึงต้องใช้วิธีการหล่อขึ้นรูป
    การใช้งาน:
    ของใช้ในครัว เช่น กระทะ หม้อ ชิ้นส่วนเครื่องจักร ฝาท่อระบายน้ํา รั้ว ชิ้นส่วนรถยนต์

โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-Ferrous Metals)

โลหะที่ไม่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นโลหะประเภทน้ีจะไม่เกิดสนิมและไม่ดูดติด กับแม่เหล็ก เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง สังกะสี

  • อะลูมิเนียม (Aluminium)
    มีความหนาแน่นน้อย จึงมีน้ำหนักเบา ไม่เสี่ยงต่อการเกิดรอยร้าวและการแตกหัก มีสีเทาเงิน สะท้อนแสงได้ดี นําไฟฟ้าและความร้อนได้ดี
    การใช้งาน: กรอบประตูหรือหน้าต่าง ฟอยล์ห่ออาหาร ส่วนประกอบของเครื่องบิน กระป๋องน้ำอัดลม

  • ทองแดง (Copper)
    เป็นตัวนําความร้อนและนําไฟฟ้าได้ดีมีสีน้ำตาลแดง ทนทานต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ สามารถตีเป็นแผ่น บางหรือดึงเป็นเส้นได้ง่าย
    การใช้งาน: สายไฟ เคเบิล อุปกรณ์ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ไดนาโม อุปกรณ์สําหรับส่งน้ำ เช่น ท่อ ข้อต่อ วาล์วน้ำ เครื่องประดับตกแต่ง เหรียญกษาปณ์

  • สังกะสี (Zinc)
    มีความแข็งแต่เปราะ มีสีเงิน มันวาว หลอมและ ขึ้นรูปได้ง่าย ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ
    การใช้งาน: เคลือบโลหะเพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน

  • ทองเหลือง (Brass)
    เกิดจากการผสมระหว่างทองแดงและสังกะสี เป็นโลหะที่มีความแข็งแกร่ง มีสีเหลืองทอง นําไฟฟ้าและ ความร้อนได้ดี
    การใช้งาน: พาน แจกัน ก๊อกน้ำ ที่จับประตูข้อต่อเครื่องจักร เครื่องดนตรีเช่น แซกโซโฟน

วัสดุ (Materials) คือ สสารที่ประกอบและทำขึ้นด้วยสารบางอย่างซึ่งเป็นสารเคมี จะเห็นได้ว่าวัสดุทั้งหลายที่พบได้ทั่วไปล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุทั้งสิ้น วัสดุที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ไม้ คอนกรีต อิฐ เหล็กกล้า พลาสติก แก้ว ยาง อะลูมิเนียม ทองแดง และกระดาษ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตวัสดุให้ออกมาเป็นวัสดุสำเร็จรูป จัดว่าเป็นส่วนที่สำคัญในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่จะต้องผลิตต้องรู้ว่าประกอบด้วยวัสดุต่างๆอะไรบ้าง

ประเภทของวัสดุ

เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาและสะดวกขึ้น วัสดุส่วนมากจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆด้วยกัน คือ ประเภทโลหะ พอลิเมอร์ (Plastic) เซรามิก และวัสดุผสม ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างของวัสดุทั้งสามตามสมบัติที่สำคัญคือ สมบัติเชิงกล สมบัติทางไฟฟ้า และสมบัติทางกายภาพ โดยจะมีความแตกต่างทางโครงสร้างภายในของวัสดุประเภทต่างๆเหล่านี้ 

  • วัสดุประเภทโลหะ (Matallic Materials) วัสดุพวกนี้เป็นสารอนินทรีย์ (Inorganic Substances) ที่ประกอบด้วยธาตุที่เป็นโลหะเพียงชนิดเดียวหรือหลายชนิดก็ได้ และบางครั้งอาจมีอะโลหะประกอบอยู่ด้วย ธาตุที่เป็นโลหะ ได้แก่ เหล็ก ทองแดง อะลูมิเนียม นิกเกิล และไทเทเนียม ธาตุที่เป็นอโลหะได้แก่ คาร์บอน ไนโตรเจน และออกซิเจนซึ่งธาตุเหล่านี้อาจปนอยู่ในโลหะได้ โลหะที่มีโครงสร้างเป็นผลึกซึ่งอะตอมจะมีการจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบและเฉพาะ โดยทั่วไปโลหะเป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดี โลหะหลายชนิดมีสมบัติค่อนข้างแข็งแรง และอ่อน (Ductile) ที่อุณหภูมิห้องและก็มีโลหะอีกหลายชนิดที่คงสภาพแข็งแรงดีแม้ที่อุณหภูมิสูง
     
  • วัสดุพอลิเมอร์ (Polymeric (Plastic) Materials) วัสดุพอลิเมอร์ส่วนมากประกอบด้วยสารอินทรีย์ (คาร์บอนเป็นองค์ประกอบ) ที่มีโมเลกุลเป็นโซ่ยาวๆหรือเป็นโครงข่าย โดยโครงสร้างแล้ววัสดุพอลิเมอร์ส่วนใหญ่ไม่มีรูปร่างผลึก แต่บางชนิดประกอบด้วยของผสมของส่วนที่มีรูปร่างผลึกและส่วนมากไม่มีรูปร่าง ผลึก ความแข็งแรงและความอ่อนเหนียวของวัสดุพอลิเมอร์มีความหลากหลายอย่างมาก เนื่องจากลักษณะของโครงสร้างภายในทำให้วัสดุพอลิเมอร์ส่วนมากเป็นตัวนำไฟฟ้า ที่ไม่ดี บางชนิดเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีมาก จึงได้นำมาประยุกต์กับงานด้านนี้อย่างมาก โดยทั่วไปวัสดุพอลิเมอร์มีความหนาแน่นต่ำ และมีจุดอ่อนตัวหรืออุณหภูมิของการสลายตัวค่อนข้างต่ำ
     
  • วัสดุเซรามิก (Ceramic Materials) เป็นสารอนินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุที่เป็นโลหะและธาตุที่เป็นอโลหะรวมตัวกันด้วยพันธะเคมี วัสดุเซรามิกมีโครงสร้างเป็นได้ทั้งแบบมีรูปร่างผลึก และไม่มีรูปร่างผลึกหรือเป็นของผสมของทั้งสองแบบ วัสดุเซรามิกส่วนใหญ่มีความแข็งสูงและคงความแข็งแรงได้ที่อุณหภูมิสูง แต่มักจะเปราะ ในช่วงหลังวัสดุเซรามิกได้มีการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สร้างเครื่งยนต์ ข้อได้เปรียบของวัสดุเซรามิกสำหรับนำมาใช้สร้างเครื่งยนต์คือ น้ำหนักเบา มีความแข็งแรงสูง มีความแข็งสูง ทนความร้อนและทนต่อการขัดสีได้ดี ลดการเสียดทานและยังมีสมบัติเป็นฉนวนอีกด้วย
     
  • วัสดุผสม (Composite Materials) เป็นของผสมที่ได้จากวัสดุ 2 ชนิดหรือมากกว่า 2 ชนิดมาผสมกัน วัสดุผสมส่วนมากประกอบด้วยสารเติม (Filler) หรือวัสดุเสริมแรงที่เหมาะสมกับตัวประสานพวกเรซิ่น จะได้เป็นวัสดุมีลักษณะเฉพาะและมีสมบัติตามที่ต้องการ โดยปกติสารที่เป็นองค์ประกอบเหล่านั้นจะไม่ละลายเข้าด้วยกันและสามารถสังเกตุดูได้ที่รอยต่อระหว่างสารที่เป็นองค์ประกอบ วัสดุผสมสามารถจำแนกออกได้เป็นหลายประเภท บางประเภทมีเส้นใยเป็นองค์ประกอบหลักปนกับอนุภาคบางชนิด การผลิตวัสดุผสมจึงมีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับวิธีการของการเสริมแรงกับตัว ประสาน วัสดุผสมที่ทันสมัยที่วิศวกรใช้กันมาก 2 ชนิดคือ ใช้เส้นใยแก้วเสริมแรงในพอลลิเอสเทอร์หรืออีพอกซี อีกชนิดหนึ่งใช้เส้นใยคาร์บอนเสริมแรงในเนื้ออีพอกซี อีกตัวอย่างหนึ่งที่ใช้วัสดุผสมของเส้นใยแก้วกับพอลิเฟนิลีน ซัลไฟด์ (PPS) ทำข้อต่อท่อส่งน้ำมันในสนามซึ่งสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ยอดเยี่ยม

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

โลหะ (Metals)
Web site:
 http://designtechnology.ipst.ac.th/wp-content/uploads/sites/83/2018/12

Material Science and Engineering
Web site: 
http://materiam.blogspot.com/2008/09/chapter-1.html#:~:text=Metallic

UHPLC/MS Grade Solvents

Thermo Scientific ตัวทำละลายในรูปแบบ Reverse-Phase ที่มอบคุณภาพแบบบริสุทธิ์พิเศษและประสบการ์ณที่ดีที่สุดในการใช้งาน ด้วยสิ่งเจือปนที่น้อย จึงมั่นใจได้ว่าจะมีการรบกวนน้อยที่สุดจากเฟสเคลื่อนที่และความไวสูงอย่างสม่ำเสมอสำหรับ LC/MS ของคุณ

• ทดสอบด้วยความเหมาะสมในการไล่ระดับ UHPLC ด้วยข้อกำหนด UV, MS และ MS/MS สำหรับการใช้งาน UHPLC และ UHPLC/MS ที่มีความไวสูง
• กรองที่ 0.03μm สำหรับน้ำ และ 0.1μm สำหรับตัวทำละลายอินทรีย์ (organic solvents)

รายการสินค้า UHPLC-MS จาก Thermo Scientific

 

ข้อดีของตัวทำละลาย Thermo Scientific UHPLC-MS :

• ข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนอิงตามโพรพาซีนในโหมด MS/MS
ประโยชน์ : มีอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ของคุณ

• การกรองแบบพิเศษในระดับ 0.05 µm สำหรับการใช้ในงาน UHPLC-MS 
ประโยชน์ : สามารถลดอัตราการพักและเสียเวลาจากการอุดตันของเครื่องมือ คอลัมน์ และการเช็ควาล์ว 

• บรรจุภัณฑ์ด้วยขวดบอโรซิลิเกต
ประโยชน์ : ลดการชะล้างของไอออนประจุบวกของโลหะลงอย่างมาก (Na+ และ K+)

 


หากสนใจผลิตภัณฑ์หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า

ChromaCareTM LC-MS Instrument Flush Solution by Thermo Scientific

Thermo Scientific ChromaCare Flush Solutions เป็นสินค้ากลุ่มรีเอเจนต์ที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานร่วมกับเครื่อง LC/MS 
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ที่หลากหลาย เช่น ได้ผลลัพธ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง (Ultra-High Purity), มีความสม่ำเสมอ (Consistency), น่าเชื่อถือ (Reliable) และให้ผลที่แม่นยำ (Precision) ตลอดช่วงการวิเคราะห์

 

Product Highlight
 

  • Maximize cleaning
    ออกแบบโดย Thermo Scientific เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ Cleaning ได้สูงสุด พร้อมทั้งรักษาเครื่องมือทั้งในระบบ VanquishTM และ UltiMateTM UHPLC ด้วย QQQ MS

 

  • Polar protic and aprotic solvents
    ผลิตโดยมีส่วนประกอบของ Protic และ Aprotic Solvents* เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่หลากหลาย

 

  • Suitable for LC/MS and UHPLC/MS 
    ใช้ได้กับทั้ง LC/MS และUHPLC/MS เพื่อสร้าง Baseline ให้เสถียรได้อย่างรวดเร็ว

 

  • Suitable components
    ประกอบด้วยอัตราส่วนระหว่าง Acetonitrile, Methanol, Water และ IPA คือ [25:25:25:25]

 

"ก้าวสู่เส้นทางที่ปราศจากการรบกวนสำหรับงานโครมาโตกราฟีของคุณ"

โดยปกติแล้วการดูแลและรักษาเครื่องมือ LC-MS ให้ทำงานได้อย่างราบรื่นนับเป็นความท้าทายหลักสำหรับนักวิทยาศาสตร์และผู้จัดการห้องปฏิบัติการทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานทางคลินิกและโปรตีโอมิกที่การตกตะกอนของโปรตีนสามารถเกิดขึ้นได้และอุดตันในเครื่องมือและคอลัมน์เป็นประจำ 

เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์รีเอเจนต์ Thermo Scientific™ ChromaCare™ ที่รังสรรค์และออกแบบมาสำหรับการเริ่มต้นใช้งานและการบำรุงรักษาโครมาโตกราฟี LC-MS ที่มีความละเอียดอ่อนสูง

ChromaCare LC-MS Instrument Flush Solution นั้นได้รับการออกแบบโดยตรงจากทีมงานโครมาโตกราฟีของเรา เพื่อเตรียมเครื่องมือ LC-MS สำหรับการเริ่มทำงานโดยการลดการรบกวนในเบื้องหลังการทำงาน โดยกระบวนการนี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตั้งเครื่องมือและการบำรุงรักษาในทุกการใช้งาน

Thermo Scientific™ LC-MS ที่ทำงานร่วมกับ ChromaCare LC-MS. และ Biologics Flush Solution ที่ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์รีเอเจนต์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้โปรตีนอุดตันโพรบของคุณและช่วยรับรองความสมบูรณ์ของตัวอย่างแต่ละตัวอย่างดีเยี่ยม

Multi-Application Solvents

เตรียมพร้อมรับความสม่ำเสมอและความแม่นยำที่คุณต้องการด้วย Thermo Scientific Chromplete Solvent ที่ออกแบบมาสำหรับการวิเคราะห์และการแยกสารทั่วไป มีจำหน่ายทั่วโลกและเหมาะสำหรับหลากหลายเทคนิคการวิเคราะห์ อาทิ 

• HPLC ใช้ร่วมกับ UV, UV-Vis, PDA, ECD และ FL

• แก๊สโครมาโตกราฟี (GC) ใช้ร่วมกับ FID และ ECD

• เครื่องวัดแสงยูวี (UV spectrophotometry) และอื่นๆ

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีส่วนช่วยในการลดจำนวนขวดสารเคมีในห้องปฏิบัติการของคุณ ทั้งช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการสินค้าคงคลัง และลดโอกาสในการเกิดของเสียอีกมากมาย อีกทั้งตัวทำละลายเหล่านี้ได้รับการทดสอบตามมาตรฐาน ACS และข้อกำหนด USP ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก

 

Catalysts

ในปัจจุบัน Thermo Scientific (ในอดีตใช้ชื่อในนาม Alfa Aesar) นับเป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts) แบบครบวงจรที่มีชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ Thermo Fisher Scientific

โดยผลิตตามข้อกำหนดที่เข้มงวดและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 9001, ISO 14001 มีกลุ่มผลิตภัณฑ์รองรับการให้บริการที่หลากหลาย เช่น Fuel Cell Products, Precious Metal & Catalysts, Zeolite เป็นต้น

 

ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts) คือ สารที่เติมลงไปในปฏิกิริยาแล้ว ทําให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น หรือทําให้อัตรากการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น โดยที่ตัวเร่งปฏิกิริยาอาจจะมีส่วนร่วมในการเกิดปฏิกิริยาด้วยหรือไม่ก็ได้แต่เมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยา ตัวเร่งเหล่านี้จะมีต้องมีปริมาณเท่าเดิมและมีสมบัติเหมือนเดิม การที่ตัวเร่งปฏิกิริยาสามารถเพิ่มอัตราการเกิดปฏิกิริยาได้เนื่องจากว่า ตัวเร่งปฏิกิริยาช่วยลดพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาให้ตํ่าลง จึงทําให้มีโมเลกุลที่มีพลังงานสูงกว่า หรือเท่ากับพลังงานก่อกัมมันต์จํานวนมากขึ้น ปฏิกิริยาเคมีจึงเกิดเร็วขึ้น แต่จะไม่ทําให้พลังงานของปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไป

เรามักจะเห็นว่าพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยาที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาจะตํ่ากว่าพลังงานก่อกัมมันต์ของ ปฏิกิริยา แต่พลังงานของปฏิกิริยายังคงเท่าเดิม เนื่องจากตัวเร่งปฏิกิริยาเพียงแต่ทําให้พลังงานก่อกัมมันต์ลดลง ไม่ทําให้พลังงานของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงในการเติมตัวเร่งปฏิกิริยาควรใช้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากหากใช้มากเกินไป ตัวเร่งปฏิกิริยาอาจกลายเป็นสารตั้งต้นสารหนึ่งที่เข้าทําปฏิกิริยา ทําให้ปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไป

 

ปฏิกิริยาหนึ่งอาจใช้ตัวเร่งปฏิกิริยามากกว่าหนึ่งชนิดและตัวเร่งปฏิกิริยาชนิดหนึ่ง อาจใช้เร่งปฏิกิริยาได้หลายชนิดเช่นเดียวกัน เช่น

  • การย่อยอาหารในร่างกายใช้เอนไซม์หลายชนิดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
  • ในกระบวนการเติมไฮดดรเจน แก่ สารอินทรีย์ใช้นิกเกิลเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
  • ในกระบวนการแตกสลายไฮโดรคาร์บอนในการกลั่นนํ้ามันใช้ซิลิคอนไดออกไซด์และอะลูมิเนียมออกไซด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา​

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst)
Web site: http://www.digitalschool.club/digitalschool/biology2_1_1/biology1_1/more/page3.php

ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา
Web site: https://il.mahidol.ac.th/e-media/ap-chemistry2/kinetics/catalyst.htm

อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
Web site: http://science.nongkhai2.go.th/onuma01/sec01p16.htm

Metals & Materials

โลหะ (Metals) คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่างๆ โลหะที่นํามาใช้งานส่วนใหญ่ จะผ่านการปรับปรุงสมบัติให้ ดีขึ้นก่อนนํามาใช้งาน โลหะเป็นวัสดุที่นํามาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีสมบัติที่ดีมากมาย เช่น เป็นตัวนําความร้อนและนําไฟฟ้าได้ดีมีความแข็งแรงสูง มีความคงทนถาวร ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพง่าย เป็นวัสดุทึบแสง สามารถป้องกันไม่ให้แสงผ่าน ทนทานต่อการกัดกร่อน มีความสวยงาม ผิวของโลหะสามารถขัดให้เป็นเงาวาว สามารถตีเป็นแผ่นบางหรือดึงให้เป็นเส้นลวดได้ โลหะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่คือ โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous Metals) และโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-Ferrous Metals)

โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous Metals)

โลหะที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก แบ่งออกเป็นเหล็กกล้า (Steel) และเหล็กหล่อ (Cast Iron) ซึ่งมีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ในปริมาณที่ต่างกันตั้งแต่ 0.1% ไปจนถึง 4% คาร์บอนที่ผสมลงในเหล็กมี ผลต่อความแข็งแรง ความแขงและความเปราะของเหล็ก โดยทั่วไปโลหะกลุ่มเหล็กจะเกิดสนิมและมีสมบัติ ดูดติดกับแม่เหล็กได้มีความแข็งแรงสูง สามารถปรับปรุงคุณภาพและเปลี่ยนแปลงรูปทรงโดยการกลึง เจาะ รีดเป็นแผ่นบางได้ตามที่ต้องการ

  • เหล็กกล้า (Steel)
    เป็นเหล็กที่ใช้มากที่สุด เพราะมีความแข็งแรงสูง มีปริมาณคาร์บอนผสมอยู่ระหว่าง 0.1-1.7% โดยเหล็กกล้าที่มีคาร์บอนมากจะมีความแข็งมาก แต่ก็จะเปราะมากขึ้นเช่นกัน
    การใช้งาน: ของใช้ในครัวเรือน กระป๋องบรรจุภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ลวด กรรไกร ใบมีดโกน น็อต สกรู

  • เหล็กหล่อ (Cast Iron)
    มีปริมาณคาร์บอนระหว่าง 2–4% ทําให้ เหล็กมีความแข็งมากแต่เปราะ มีความเหนียวน้อย ไม่สามารถขึ้นรูปด้วยการรีดหรือดึงที่อุณหภูมิสูงได้ จึงต้องใช้วิธีการหล่อขึ้นรูป
    การใช้งาน: ของใช้ในครัว เช่น กระทะ หม้อ ชิ้นส่วนเครื่องจักร ฝาท่อระบายน้ํา รั้ว ชิ้นส่วนรถยนต์

โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-Ferrous Metals)

โลหะที่ไม่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นโลหะประเภทน้ีจะไม่เกิดสนิมและไม่ดูดติด กับแม่เหล็ก เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง สังกะสี

  • อะลูมิเนียม (Aluminium)
    มีความหนาแน่นน้อย จึงมีน้ำหนักเบา ไม่เสี่ยงต่อการเกิดรอยร้าวและการแตกหัก มีสีเทาเงิน สะท้อนแสงได้ดี นําไฟฟ้าและความร้อนได้ดี
    การใช้งาน: กรอบประตูหรือหน้าต่าง ฟอยล์ห่ออาหาร ส่วนประกอบของเครื่องบิน กระป๋องน้ำอัดลม

  • ทองแดง (Copper)
    เป็นตัวนําความร้อนและนําไฟฟ้าได้ดีมีสีน้ำตาลแดง ทนทานต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ สามารถตีเป็นแผ่น บางหรือดึงเป็นเส้นได้ง่าย
    การใช้งาน: สายไฟ เคเบิล อุปกรณ์ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ไดนาโม อุปกรณ์สําหรับส่งน้ำ เช่น ท่อ ข้อต่อ วาล์วน้ำ เครื่องประดับตกแต่ง เหรียญกษาปณ์

  • สังกะสี (Zinc)
    มีความแข็งแต่เปราะ มีสีเงิน มันวาว หลอมและ ขึ้นรูปได้ง่าย ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ
    การใช้งาน: เคลือบโลหะเพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน

  • ทองเหลือง (Brass)
    เกิดจากการผสมระหว่างทองแดงและสังกะสี เป็นโลหะที่มีความแข็งแกร่ง มีสีเหลืองทอง นําไฟฟ้าและ ความร้อนได้ดี
    การใช้งาน: พาน แจกัน ก๊อกน้ำ ที่จับประตูข้อต่อเครื่องจักร เครื่องดนตรีเช่น แซกโซโฟน

วัสดุ (Materials) คือ สสารที่ประกอบและทำขึ้นด้วยสารบางอย่างซึ่งเป็นสารเคมี จะเห็นได้ว่าวัสดุทั้งหลายที่พบได้ทั่วไปล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุทั้งสิ้น วัสดุที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ไม้ คอนกรีต อิฐ เหล็กกล้า พลาสติก แก้ว ยาง อะลูมิเนียม ทองแดง และกระดาษ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตวัสดุให้ออกมาเป็นวัสดุสำเร็จรูป จัดว่าเป็นส่วนที่สำคัญในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่จะต้องผลิตต้องรู้ว่าประกอบด้วยวัสดุต่างๆอะไรบ้าง

ประเภทของวัสดุ

เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาและสะดวกขึ้น วัสดุส่วนมากจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆด้วยกัน คือ ประเภทโลหะ พอลิเมอร์ (Plastic) เซรามิก และวัสดุผสม ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างของวัสดุทั้งสามตามสมบัติที่สำคัญคือ สมบัติเชิงกล สมบัติทางไฟฟ้า และสมบัติทางกายภาพ โดยจะมีความแตกต่างทางโครงสร้างภายในของวัสดุประเภทต่างๆเหล่านี้ 

  • วัสดุประเภทโลหะ (Matallic Materials) วัสดุพวกนี้เป็นสารอนินทรีย์ (Inorganic Substances) ที่ประกอบด้วยธาตุที่เป็นโลหะเพียงชนิดเดียวหรือหลายชนิดก็ได้ และบางครั้งอาจมีอะโลหะประกอบอยู่ด้วย ธาตุที่เป็นโลหะ ได้แก่ เหล็ก ทองแดง อะลูมิเนียม นิกเกิล และไทเทเนียม ธาตุที่เป็นอโลหะได้แก่ คาร์บอน ไนโตรเจน และออกซิเจนซึ่งธาตุเหล่านี้อาจปนอยู่ในโลหะได้ โลหะที่มีโครงสร้างเป็นผลึกซึ่งอะตอมจะมีการจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบและเฉพาะ โดยทั่วไปโลหะเป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดี โลหะหลายชนิดมีสมบัติค่อนข้างแข็งแรง และอ่อน (Ductile) ที่อุณหภูมิห้องและก็มีโลหะอีกหลายชนิดที่คงสภาพแข็งแรงดีแม้ที่อุณหภูมิสูง
     
  • วัสดุพอลิเมอร์ (Polymeric (Plastic) Materials) วัสดุพอลิเมอร์ส่วนมากประกอบด้วยสารอินทรีย์ (คาร์บอนเป็นองค์ประกอบ) ที่มีโมเลกุลเป็นโซ่ยาวๆหรือเป็นโครงข่าย โดยโครงสร้างแล้ววัสดุพอลิเมอร์ส่วนใหญ่ไม่มีรูปร่างผลึก แต่บางชนิดประกอบด้วยของผสมของส่วนที่มีรูปร่างผลึกและส่วนมากไม่มีรูปร่าง ผลึก ความแข็งแรงและความอ่อนเหนียวของวัสดุพอลิเมอร์มีความหลากหลายอย่างมาก เนื่องจากลักษณะของโครงสร้างภายในทำให้วัสดุพอลิเมอร์ส่วนมากเป็นตัวนำไฟฟ้า ที่ไม่ดี บางชนิดเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีมาก จึงได้นำมาประยุกต์กับงานด้านนี้อย่างมาก โดยทั่วไปวัสดุพอลิเมอร์มีความหนาแน่นต่ำ และมีจุดอ่อนตัวหรืออุณหภูมิของการสลายตัวค่อนข้างต่ำ
     
  • วัสดุเซรามิก (Ceramic Materials) เป็นสารอนินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุที่เป็นโลหะและธาตุที่เป็นอโลหะรวมตัวกันด้วยพันธะเคมี วัสดุเซรามิกมีโครงสร้างเป็นได้ทั้งแบบมีรูปร่างผลึก และไม่มีรูปร่างผลึกหรือเป็นของผสมของทั้งสองแบบ วัสดุเซรามิกส่วนใหญ่มีความแข็งสูงและคงความแข็งแรงได้ที่อุณหภูมิสูง แต่มักจะเปราะ ในช่วงหลังวัสดุเซรามิกได้มีการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สร้างเครื่งยนต์ ข้อได้เปรียบของวัสดุเซรามิกสำหรับนำมาใช้สร้างเครื่งยนต์คือ น้ำหนักเบา มีความแข็งแรงสูง มีความแข็งสูง ทนความร้อนและทนต่อการขัดสีได้ดี ลดการเสียดทานและยังมีสมบัติเป็นฉนวนอีกด้วย
     
  • วัสดุผสม (Composite Materials) เป็นของผสมที่ได้จากวัสดุ 2 ชนิดหรือมากกว่า 2 ชนิดมาผสมกัน วัสดุผสมส่วนมากประกอบด้วยสารเติม (Filler) หรือวัสดุเสริมแรงที่เหมาะสมกับตัวประสานพวกเรซิ่น จะได้เป็นวัสดุมีลักษณะเฉพาะและมีสมบัติตามที่ต้องการ โดยปกติสารที่เป็นองค์ประกอบเหล่านั้นจะไม่ละลายเข้าด้วยกันและสามารถสังเกตุดูได้ที่รอยต่อระหว่างสารที่เป็นองค์ประกอบ วัสดุผสมสามารถจำแนกออกได้เป็นหลายประเภท บางประเภทมีเส้นใยเป็นองค์ประกอบหลักปนกับอนุภาคบางชนิด การผลิตวัสดุผสมจึงมีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับวิธีการของการเสริมแรงกับตัว ประสาน วัสดุผสมที่ทันสมัยที่วิศวกรใช้กันมาก 2 ชนิดคือ ใช้เส้นใยแก้วเสริมแรงในพอลลิเอสเทอร์หรืออีพอกซี อีกชนิดหนึ่งใช้เส้นใยคาร์บอนเสริมแรงในเนื้ออีพอกซี อีกตัวอย่างหนึ่งที่ใช้วัสดุผสมของเส้นใยแก้วกับพอลิเฟนิลีน ซัลไฟด์ (PPS) ทำข้อต่อท่อส่งน้ำมันในสนามซึ่งสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ยอดเยี่ยม

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

โลหะ (Metals)
Web site: http://designtechnology.ipst.ac.th/wp-content/uploads/sites/83/2018/12

Material Science and Engineering
Web site: http://materiam.blogspot.com/2008/09/chapter-1.html#:~:text=Metallic

Inorganics

สารอนินทรีย์ (Inorganic) หมายถึง สารประกอบอื่นๆ ที่ไม่ใช่สารอินทรีย์ สารอนินทรีย์ประกอบด้วยธาตุต่างๆ จำนวนมาก เช่น S, O, Cl, Na, Mg, Al, และ C เป็นต้น

สารประกอบอนินทรีย์ (Inorganic Compound) คือสารประกอบเคมีที่นิยามตรงข้ามกับสารประกอบอินทรีย์เป็นการจัดแบ่งสารเคมีตามความเชื่อแต่ดั้งเดิม ที่ให้สารเคมีที่ไม่ได้เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตเป็นสารประกอบอนินทรีย์ สารประกอบอนินทรีย์มักไม่มีพันธะเชื่อมระหว่างอะตอมของคาร์บอนและไฮโดรเจนถึงแม้สารประกอบอนินทรีย์จะมีอยู่มากมายแต่เทียบไม่ได้กับจำนวนของสารประกอบ อินทรีย์ที่มีอยู่ในโลก สารประกอบคาร์บอนเกือบทั้งหมดถูกจัดให้เป็นสารประกอบอินทรีย์แต่ก็มีบางตัว ถูกกำหนดชัดเจนว่าเป็นสารประกอบอนินทรีย์ เช่น

  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide)
  • คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide)
  • คาร์บอเนต (Carbonate)

จะเห็นได้ว่าสารประกอบทั้งหมดข้างต้นไม่มีอะตอมของไฮโดรเจนเชื่อมต่อกับ คาร์บอนเลย ในอดีตเชื่อกันว่าสารประกอบอินทรีย์มีอยู่ในสิ่งมีชีวิติเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราสามารถสังเคราะห์สารประกอบอินทรีย์ได้มากมายโดยสารประกอบ เหล่านี้ไม่เคยอยู่ในสิ่งมีชีวิตเลย เช่น ยา (Drug) และพลาสติก (Plastic) ในขณะที่สารประกอบอนินทรีย์มากมายที่มีความจำเป็นและอยู่ในสิ่งมีชีวิต (Life) เช่นโซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride-Common Salt), กรดคาร์บอนิก (Carbonic Acid), สารประกอบฟอสเฟต (Phosphate), สารประกอบเหล็ก (Iron) การศึกษาสารประกอบโลหะในสิ่งมีชีวิตเรียกว่าไบโออนินทรีย์เคมี (Bioinorganic Chemistry)

สารประกอบอนินทรีย์ คือ สารที่ไม่ใช่สารที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจน โดยส่วนใหญ่ แต่จะมีธาตุที่เป็นโลหะ คือฝั่งซ้ายของตารางธาตุ ซึ่งธาตุโลหะนี้ จะมีลิแกนด์ เอาไว้แลกเปลี่ยนไอออน ซึ่งลิแกนด์จะมีทั้งไม่มีประจุและมีประจุ เช่น NH4+, NH3, H2O, CO, CO2, SO4, S2O3 และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งโดยส่วนมากจะอยู่ในรูปสารประกอบเชิงซ้อนที่มีเป็นสีๆ เช่นในดอกไม้

ชนิดของปฏิกิริยาเคมีในสารอนินทรีย์ มีด้วยกัน 4 ชนิดคือ

  • ปฏิกิริยารวมตัว (Combination Reaction)
    Sample Reaction:   Ba + F2 ---> BaF2
  • ปฏิกิริยาแตกตัว (Decomposition Reaction)
    Sample Reaction:   2H2O ---> 2H2 + O2
  • ปฏิกิริยาแทนที่ตำแหน่งเดียว (Single Displacement Reaction)
    Sample Reaction:   CaCl2 + 2Na ---> Ca + 2NaCl
  • ปฏิกิริยาแทนที่คู่ซึ่งกันและกัน (Double Displacement Reaction)
    Sample Reaction:   HCl(aq) + NaOH(aq) ---> NaCl(aq) + H2O(liquid)

สาขาของวิชาเคมีอนินทรีย์ มีดังนี้

  • เกลือแร่ (Minerals) เช่น เกลือ, แอสแบสโทส (Asbestos) , ซิลิเกต (Silicate) ฯลฯ
  • โลหะ (Metals) และโลหะผสม (Alloys) เช่น เหล็ก, ทองแดง, อะลูมิเนียม, ทองเหลือง, สัมฤทธิ์ ฯลฯ
  • อโลหะ เช่น ซิลิกอน, ฟิสฟอรัส, คลอรีน, ออกซิเจน สารประกอบของอโลหะ เช่น น้ำ
  • โลหะเชิงซ้อน (Metal Complexes)

สารประกอบเคมีอนินทรีย์ที่มีความสำคัญทางการค้า ได้แก่ สารกึ่งตัวนำ เช่น

  • ซิลิกอนชิพ (Silicon Chips)
  • ทรานซิสเตอร์ (Transistors)
  • จอแอลซีดี (Liquid Crystal Display Screens)
  • ใยแก้วนำแสง (Fiber Optical Cables)
  • ตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี (Catalysts)

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

สารประกอบอนินทรีย์ (Inorganic Compound)
Web site: https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7104-inorganic-compound

เคมีอนินทรีย์
Web site: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%

Nanomaterials

วัสดุนาโนหรืออนุภาคนาโน (nanomaterials) นั้นเป็นอนุภาคที่มีขนาดในระดับ 1-100 nm ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเกิดจากการผลิตขึ้น
โดยวัสดุนาโนมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่

  • วัสดุที่มีธาตุคาร์บอนเป็นหลัก (carbon-based materials) เช่น Fullerenes C60, Carbon nano-tubes
  • วัสดุนาโนสารกึ่งตัวนำและโลหะ (semiconductor and metal nanomaterials) เช่น Titanium dioxide:TiO2, Zinc sulfide: ZnS, Silver: Ag
     

วัสดุนาโนสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่

วิธีที 1 แบ่งโดยพิจารณาว่าวัสดุนั้นได้รับการผลิตขึ้นโดยจงใจหรือไม่ วิธีนี้แบ่งวัสดุนาโนออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • วัสดุนาโนที่พบได้ตามธรรมชาติ (natural nanomaterial) หมายถึงวัสดุนาโนที่มีปะปนอยู่กับสิ่งแวดล้อม (ดิน น้ำ บรรยากาศ) ทั่วไป เช่น อนุภาคของแร่ต่างๆ จากไฟไหม้ป่า ฯลฯ
  • วัสดุนาโนที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยบังเอิญ (incidental nanomaterial) หมายถึงวัสดุนาโนที่ไม่ได้มีอยู่เดิมในธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้รับการสังเคราะห์ขึ้นมาอย่างจงใจ11 เป็นต้นว่าอนุภาคในควันไฟที่พบได้เสมอในครัว หรือแม้แต่ที่มองไม่เห็นว่าเป็นควัน เช่นจากการเผาเชื้อเพลิงที่เรียกว่าแอลกอฮอล์แข็ง หรือในไอเสียจากเครื่องยนต์ชนิดต่างๆ วัสดุนาโนที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยบังเอิญ มักจะมีขนาดต่างๆ กัน ทั้งในระดับนาโนและใหญ่กว่านาโน ปะปนกันอยู่
  • วัสดุนาโนที่ผลิตขึ้น (manufactured nanomaterial) หมายถึงวัสดุนาโนที่ไม่พบปกติในธรรมชาติ แต่ได้รับการออกแบบ และผลิตขึ้นอย่างจงใจ ให้มีสมบัติโดยเฉพาะเจาะจง และมักมีขนาดใกล้เคียงกัน

วิธีที 2 แบ่งโดยพิจารณาโครงสร้างของวัสดุนั้น ว่ามีขนาดภายนอกอยู่ในระดับชองขนาดนาโนหรือไม่ วิธีนี้แบ่งวัสดุนาโนออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • วัตถุนาโน (nano-object) มีขนาดภายนอก ไม่ว่าจะ 1 หรือ 2 หรือทั้ง 3 มิติเป็นขนาดนาโน
  • วัสดุที่มีโครงสร้างนาโน (nanostructured material) ถึงแม้ภายนอกจะมีขนาดใหญ่กว่านาโน แต่ก็มีโพรง มีรู หรือมีส่วนประกอบที่มีขนาดนาโน ผสมหรือเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น ผงที่มีโครงสร้างนาโน (nanostructured powder), วัสดุผสมนาโน (nanocomposite), วัสดุนาโนกระจายตัว (dispersion), วัสดุนาโนที่ีมีรูพรุน (nanoporous material), วัสดุที่มีนาโนบนพื้นผิว (surface-structured nanomaterial), และ อนุภาคที่มีโครงสร้างนาโนเป็นแกนและเปลือก (nanostructured core-shell particle)

 


 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

Nanosafety - วัสดุนาโน
Web site: http://nict.sc.chula.ac.th/site/index.php/technology/risk/nanomaterial

National Science - Nanomaterial
Web site: https://www.nsm.or.th/other-service/2076-online-science/knowledge-inventory/sci-vocabulary/sci-vocabulary-nsm

Derivatization reagents for gas chromatography and organic synthesis.

The protection of polar groups such as carboxylic acids, alcohols, and amines with suitable reagents to produce non-polar derivatives, is of great interest in gas chromatography and in organic synthesis.  By changing the properties of a sample, it can be made more stable and easier to separate and detect by gas chromatography.  A suitable reagent should offer:

  • ease of reaction
  • quantitative reaction
  • reproducible yields and results
  • no side reactions
  • generation of a stable product
  • higher volatility of the derivative
  • lower detection limit
  • enabling of special detection methods (e.g. ECD for fluorine-containing derivatives)

Alkylations, acylations, and silylating are the most common reactions to derivatize a substrate.  

 

Thermo Scientific (ex.Acros Organics) is proud to bring you the following reagents commonly used for these derivatizations:

 

 


 

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้าทุกท่านทราบว่า ผลิตภัณฑ์ในเครือ Thermo Fisher Scientific ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายทางการค้าโดยทำการรวมกลุ่มแบรนด์ Acros Organics, Alfa Aesar และ Maybridge ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ Thermo Scientific เพียงแบรนด์เดียว โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความทับซ้อนของผลิตภัณฑ์ การบริการ และการเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

 

The AcroSeal system: performance, convenience, safety

AcroSeal packaging
Your solution for air-and moisture-sensitive reagents
 

บรรจุภัณฑ์รูปแบบพิเศษ AcroSealTM

เมื่อทุกท่านจำเป็นต้องใช้ตัวทำละลายและสารรีเอเจนต์ที่มีความไวต่ออากาศและความชื้นสูง สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีเป็นอย่างยิ่งคือ บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันสิ่งเหล่านั้นได้ "AcroSeal" คือคำตอบนั้น!

 

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงป้องกันความชื้นเท่าที่เป็นไปได้ ตั้งแต่คุณเปิดใช้งาน ด้วยฝาเกลียว (screw cap)แบบ Quadrant ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และกะบัง (septum)ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ AcroSealTM จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและมีความชื้นที่ต่ำทุกครั้งที่ใช้งาน รับประกันว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการทำงานของคุณ รวมถึงลดการเกิดความเสียหายและสินค้าที่สูญเปล่าทางเคมีได้ไปในตัว

 

AcroSeal® Packaging (บรรจุภัณฑ์อะโครซีล)  นวัตกรรมลิขสิทธิ์ของ Acros Organics นี้ ผลิตออกมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยเก็บรักษาสารเคมีที่มีความไวต่ออากาศและความชื้นให้มีความแห้งและคงสภาพเดิมให้ยาวนานที่ สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่เพียงแต่เฉพาะในครั้งแรกที่เปิดใช้งานเท่านั้นแต่ยังคงสภาพสารให้แห้งตลอดอายุการเก็บรักษา 

กลุ่มผลิตภัณฑ์ AcroSeal®

กลุ่มผลิตภัณฑ์สารเคมีที่มีบรรจุภัณฑ์เอกสิทธิ์ AcroSeal® ให้เลือกนั้นได้แก่

  • Extra Dry Solvents
  • Organometallic Compounds
  • Reagent-in-solution
  • Deuterated NMR Solvents
  • Organics

 

บรรจุภัณฑ์ AcroSeal® ยังถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย สะดวกสบาย และปลอดภัยต่อผู้ใช้ โดยฝาเกลียวนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่ผลิตออกมานั้นมีการออกแบบเป็นพิเศษให้มีคุณสมบัติ โดดเด่น 4 ประการหลัก ดังนี้

 

1. Convenience use

พื้นที่ฝาผิวหน้าที่ใหญ่ ง่ายและสะดวกต่อการใช้เข็ม Syringe เจาะดูดสารเคมีขึ้นมาใช้งาน

 

2. Quality Packaging

ฝาปิดบรรจุภัณฑ์ AcroSeal มีแผ่นปิด Septum ทำจากยางชนิดพิเศษ polymeric elastomer ซึ่งเคลือบพื้นผิวอีกชั้นด้วย Fluoropolymer ซึ่งมีคุณสมบัติเฉื่อยต่อการทำปฏิกิริยากับสารเคมี และคืนตัวกลับ (re-seal) ได้อย่างรวดเร็วเมื่อดึงเข็ม syringe ที่เจาะดูดสารออก โดยหากเป็นบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์อื่นๆในท้องตลาด อาจมีการใช้กาวในการเชื่อมระหว่างฝาอะลูมิเนียมและแผ่นยาง ซึ่งกาวตรงนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำ ให้เกิดการปนเปื้อนของสารได้

 

3. Performance

บรรจุภัณฑ์ AcroSeal สามารถลดอัตราการดูดซับความชื้นในอากาศของสารเคมีที่บรรจุอยู่ภายในได้เป็นอย่างดี

 


 

Figure I : กราฟแสดงการเปรียบเทียบของอัตราการดูดซับความชื้นในอากาศของสาร Tetrahydrofuran เมื่อบรรจุอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์ AcroSeal® เทียบกับบรรจุภัณฑ์ของผู้ผลิตรายหนึ่ง (Supplier X)

จากกราฟด้านบนแสดงให้เห็นว่า ในช่วงระยะเวลาการทดสอบ 4 อาทิตย์ บรรจุภัณฑ์ AcroSeal® สามารถช่วยลดอัตราการดูดซับความชื้นในอากาศของสารตัวอย่าง (Tetrahydrofuran)ได้มากถึง 50% เมื่อเทียบกับ แบรนด์คู่แข่ง

 

4. Safety

บรรจุภัณฑ์ AcroSeal® ถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถใช้เข็มเจาะและดูดสารออกมาได้โดยง่ายและปลอดภัย  ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการที่ต้องใช้แรงในการเจาะเข็มเพื่อดูดสารออกมา

 

 

 

 

* Septum แบบใหม่

ผลิตจาก Polymeric elastomer ที่ปกคลุมผิวหน้าด้วย inert Fluoropolymer สามารถคืนรูปรอบรูเข็มได้ดี ช่วยรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานมาก ยิ่งขึ้น

*Red butyl rubber septum

เป็น Septum ที่ใช้กับสารประเภท Organometallics, Reagents in Solution และ Organics โดยเฉพาะ เนื่องจากมีคุณสมบัติทนทานต่อฤทธิ์ของสารเคมีเหล่า นี้ได้เป็นอย่างดี

*Adhesive–free septum

ไม่มีสารเชื่อมติดหรือกาว ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนจากสารเคมีอื่น

*Multiple screw thread windings

เกลียวสกรูหลายชั้นด้านในรอบตัวฝาช่วยล็อค Septum ให้อยู่นิ่งและลดความเสี่ยงที่ความชื้นจะสะสมระหว่างฝาและตัวขวด

*Large Surface Area

พื้นที่ผิวหน้าที่กว้างเป็นพิเศษของฝาทำให้ สามารถเข้าถึงสารได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องเจาะซ้ำรูเดิม หากมีการเจาะแล้วดึงเข็มออก ยางก็ยังสามารถคืนตัว ปิดเข้าหา กันอีกได้

*Tamper-evident seal

เกลียวฝาปิด ช่วยบ่งชี้ว่าขวดสารเคยผ่านการแกะเปิดใช้งานมาแล้วหรือไม่

 

วิธีการใช้บรรจุภัณฑ์ AcroSeal®

เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงขอแนะนำท่านด้วยกระบวน การดังต่อไปนี้

1. ใช้เข็มเจาะบริเวณ Septum เพื่อดูดสาร

2. เมื่อดูดสารได้จำนวนตามที่ต้องการแล้ว จึงนำเข็มออกจาก Septum

3. รูที่เกิดจากการเจาะจะถูกแผ่นไนโตรเจน (Nitrogen blanklet)

4. เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรรีบทำการปิดขวดและจัดเก็บทันที เพื่อป้องกันไม่ ให้สารสัมผัสกับอากาศและเกิดการปนเปื้อนและเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการเจาะผ่าน Septum นั้น เราแนะนำให้ ท่านใช้เข็มเจาะประมาณ 18-21 รูและเจาะเข็มในลักษณะตามแนวเข็มนาฬิกา ตามช่องทั้ง 4 ช่องที่ได้มีการแบ่งไว้ให้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเจาะซ้ำ บริเวณเดิม


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด หรือสนับสนุนการวิจัยและการผลิต สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ : thermofisher.com/acroseal

 

Accelerate your fragment screening program with the expanded Maybridge Ro3 Library

Fragment screening is becoming a method of choice in the quest for rapid identification of new lead molecules in drug discovery due to the higher hit probability and fewer fragments needing to be screened. The Maybridge fragment library is a proven, industry-leading library due to its diversity, pharmacophoric content, and novelty.

To further increase the diversity and provide greater coverage of lead-like chemical space we have redesigned our fragment library. The new library contains 2,500 carefully selected fragments, and it provides the optimal balance between broad coverage of lead-like diversity space and the number of fragments required to be screened.

 

 

Maybridge high-throughput screening and fragment libraries

The search for bioactive molecules in early-stage drug discovery using rapid compound screening and fragment-based design should not be like looking for a needle in a haystack.
 

The Maybridge collection is widely recognized for its market-leading diversity and quality. A highly diverse library of compounds that have the right chemical properties is much more likely to provide successful results than larger less diverse libraries with less suitable chemical properties.
 

In compound screening, the size of your library is not as important as its diversity! After all, why would you screen larger numbers of compounds at greater cost with less chance of getting positive results? Maybridge libraries are designed to provide a high probability of discovering “hits” and thus accelerate your discovery campaigns!

 

Screening Libraries
Maybridge Screening Collection: A highly diverse set of over 53,000 hit-like and lead-like molecules widely acknowledged as a critical tool in screening campaigns.

 

Maybridge HitDiscover: the entire Maybridge Screening Collection pre-plated
A ready-to-screen collection of ~53,000 Maybridge screening compounds in dry film format the compounds are of minimum 90% purity and pre-plated as 1umol dry films in 96 well plate format offering exceptional diversity and outstanding value! Immediate re-supply is available on the majority of the compounds.

Maybridge HitFinder: representing the diversity of the entire Maybridge Screening Collection
HitFinder Compounds are selected from the Maybridge screening collection using a clustering algorithm employing standard Daylight fingerprints with the Tanimoto similarity index (J.Chem.Inf.Comput.Sci.,1999, 39, 747-750), clustering at 0.7 similarity. All compounds fit Lipinski guidelines for “Drug-likeness” (ClogP <=5, H-bond acceptors <=10, H-bond donors <=5, Molecular Weight <=500), and all have purity greater than 90%.

Each plate represents a unique sample from this selection, is diverse in its own right and available pre-plated at 1μmol in 96-well plates or .25μmol in 384-well plates. Maybridge HitCreator: The ultimate diversity screening library! This library takes away the need to choose between different libraries by providing the ultimate coverage of drug-like chemical space with a single library. Building on over 50 years of expertise in designing industry-leading screening libraries the pre-plated HitCreator represents the diversity of a 500,000 compound library distilled to 14,000 molecules. Each HitCreator is conveniently supplied as dry films in 96 shallow-well plates or 384-well microplates.

 

Other specialty screening libraries available under the Maybridge brand in close collaboration with an external partner include:

• Antiviral library: over 8000 compounds chosen to facilitate the discovery of novel chemical entities with profound antiviral activity and improved safety profiles
• Antibacterial library: over 8,000 compounds form a unique compound library for antibacterial research based on the proprietary natural product-like scaffolds that provide great skeletal diversity combined with the presence of polar functional groups and multiple stereogenic centers.
• Protein-protein Interaction (PPI) library: over 11,000 compounds selected through analysis of the PPI relevant chemical space and development of several strategies for building PPI-focused chemical libraries
• GPCR library: over 10,000 compounds selected for screening against G-Protein Coupled Receptors
• Kinase library: over 6,000 compounds chosen to facilitate the discovery of novel kinase inhibitors by providing access to our advanced collection of small molecules, fragments, and macrocycles

Other focused libraries are available on request.

 


 

Maybridge libraries contain diverse and hit-like compounds

The collection was mapped against the 400,000 known theoretical pharmacophores in the World Drug Index (WDI),
by Oxford Molecular and it was found that ca. 87% are expressed in this collection therefore providing a far-reaching spread of active moieties, which can generate great value in screening programs.

An independent study carried out by McGregor and Pallai comparing the diversity of 10 commercially available collections and the Available Chemicals Directory (ACD), showed that out of those that were produced in-house, Maybridge had the most diverse library i.e. the most singletons (clusters with one member), and the highest number of clusters.

The Maybridge collection also has a high degree of ‘hit-like’ compounds. The paper by Teague et al*, summarises that the ideal hit profile of a compound is clogP 1-3 and molecular weight 100-350. The information in the table below illustrates that a large portion of the Screening Collection complies with these hit-like characteristics.

 


 

Benefits

Diverse – A highly diverse library will provide a greater probability of obtaining “hits”
Hit-Like – compounds containing the right chemical properties provide more successful results
Reliable – High quality compounds ensure the hits you discover are an excellent starting point to accelerate your discovery campaigns

 

 

 

Our portfolio of organometallic compounds includes a wide variety of high-quality Grignard reagents (R-MgX). Many of our Grignard reagents are offered in our AcroSeal packaging system. This packaging method is designed to ensure the exclusion of air and moisture from the highly sensitive Grignard reaction conditions required in carbon-carbon bond formation, transmetallation, and other reactions, as well as to give consistent stereochemical and high-yield results.

 

Grignard and organozinc reagents

One of the most significant applications of organometallic compounds is their use in the formation of new carbon-carbon bonds. Due to a difference in polarity within the metal-carbon bond, both Grignard reagents and organozinc (specifically organozinc halides) are excellent sources of nucleophilic carbon atoms. These nucleophilic carbon atoms can then react with electrophilic carbon to produce a new carbon-carbon bond. This is a very convenient means of preparing organic compounds from smaller precursor molecules.

 

 

Due to the electropositive character of their metals, many organometallic compounds are highly reactive and are vital in many chemical syntheses. Aside from Grignard reagents and organozinc compounds, other organometallics like organolithium, organoaluminum, and organotin reagents have demonstrated their practicality in a number of applications.

Due to the huge variation in organometallics and their many applications, the Thermo Scientific portfolio strives to meet customers’ demand for the widest choice of reagents. Whether you’re looking for enhanced organometallic reactivity, ease of workup, or reduced environmental impact solutions, we offer the expertise and extensive range to assist you with all your organometallic reagent needs.

Find exactly what you need quickly and easily. Our extensive range of high-quality Thermo Scientific synthetic reagents come in a variety of grades, specifications, and pack sizes. And they’re there when you need them.

 

#AllylmagnesiumChloride  #Chlorobenzylmagnesium #Isopropylmagnesium #Phenylmagnesium #Trimethylphenylmagnesium #Cyclopropylmagnesium
#Organometallic #Grignard #Organozinc 

Thermo Scientific palladium products are an exceptional precious metal

Palladium-based catalysts are widely used in organic synthesis to couple carbon sp2-sp2 bonds via Suzuki or Kumada coupling, and amine groups to carbon sp2 bonds via the Buchwald-Hartwig coupling. With its wide array of applications and usage in the field of organometallics, Thermo scientific has a plethora of purities and accompanying ligands for your palladium-based applications.

 

 

Palladium is now perhaps the most valuable of the four major precious metals. Because of tight supply and high demand, it has topped the price of gold since December 2018. It is an extremely rare, silver-white metal that has the purity and lustrous tone of platinum, and keeps its brilliant color for life. Palladium has a relatively low melting point and low density compared to the other platinum group metals. 

We offer a broad, diverse catalog of palladium products which are also available in bulk quantities and pack sizes that can be customized to your requirements. 

Explore our Premion™ line of precious metal compounds and pure elements. The minimum purity of our Premion line of products is 99.99% (metals basis). Premion pure elements include Platinum (Pt), Palladium (Pd), Rhodium (Rh), Iridium (Ir), Ruthenium (Ru), Osmium, Silver (Ag), and Gold (Au).

The Thermo Scientific portfolio of palladium products can be used in a wide range of applications, from emission control and electronics to dentistry and medicine. New applications are currently in development, including as a component in fuel cell technology and in the removal of toxins and carcinogens in groundwater.

 


 

Application highlights
 

Palladium in chemistry
Finely divided palladium, such as palladium on carbon, is used as a heterogeneous catalyst in hydrogenation, dehydrogenation, and petroleum cracking. Combined with a variety of ligands, e.g., bis(triphenylphosphine)palladium(II) dichloride, palladium acts as a homogeneous catalyst in the synthesis of fine chemicals. 2010 Nobel Prize in chemistry recognized the significance of palladium reagents as catalysts in the synthetically important Heck, Negishi, and Suzuki cross-coupling reactions. We offer a vast portfolio of supported and unsupported palladium catalysts, and versatile palladium complexes pure palladium products.

 

Palladium in emission control devices
Over 57% of the palladium supply is used in the catalytic converters found in more than 98% of all new vehicles. Palladium in these devices plays a crucial role in converting harmful gases emitted by gasoline engines, such as carbon monoxide, hydrocarbon, and oxides of nitrogen into less harmful carbon dioxide, nitrogen, and water vapor. Our portfolio includes a large range of supported and unsupported palladium catalysts and versatile platinum complexes.

 

Palladium in jewelry
Palladium jewelry is 95% pure and will not tarnish like sterling silver. It is also hypoallergenic, making it the metal of choice for sensitive skin. Its malleability allows designers to make very intricate pieces. Palladium is often used in white gold alloys, being more affordable and lighter than platinum, purer than white gold, and does not need to be plated with rhodium plating to keep it shiny.

Take a look at our diverse portfolio of pure palladium forms and alloys.


Palladium in electronics
Because of its electrical conductivity and its durability, palladium is widely used in electronics. A small amount of the metal is used in the components of virtually every type of electronic device, from basic consumer products to complex military hardware. The metal is most commonly used in multilayer ceramic capacitors (MLCC) found in laptop computers and mobile phones. Smaller amounts of palladium are used in hybrid integrated circuits (HIC) and for plating connectors and lead frames. We offer a very diverse portfolio of pure palladium forms and alloys to meet your specifications.


Palladium in medicine
Because it is nontoxic and not antagonistic toward the human body, palladium also is used in medicine, in particular, to treat prostate and breast cancer in the early stages of the disease. In a procedure called brachytherapy, small seeds of the radioisotope palladium-103 are injected into the affected area, delivering local doses of radiation over a period of time. The treatment is reported to be associated with low complication rates and a long-term disease-free survival rate of 90 percent.


Palladium in dentistry
Rising gold prices in the 1980s made palladium a popular option for dental inlays, crowns, and bridges. Japan, where dental alloys contain at least 20 percent palladium by government mandate, consumes the most palladium for dental uses.

 


 

 

Thermo Scientific palladium products

 

 

 

 

#Palladium #Chemistry #Medicine #Electronics #Jewelry #Dentistry #Ruthenium #Rhodium #Osmium #Iridium #Platinum #carbon #heterogeneous #Catalyst #homogeneous #Reagents 

Impurities Pharmaceutical

สินค้ากลุ่ม Impurities เป็นกลุ่มสินค้าสารมาตรฐานอ้างอิง (Reference Material) จัดเป็นสารปนเปื้อนและถูกระบุให้มีการตรวจสอบในตัวยาสำคัญ และยาสำเร็จรูปโดยมีการกำหนดไว้ในเภสัชตำรับยาของทั้ง The United States Pharmacopeia (USP) และ British Pharmacopoeia (BP) เพื่อให้ผู้ผลิตยาทำการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัย และสามารถควบคุมคุณภาพในการผลิตยาให้เป็นไปตามมาตรฐานเภสัชตำรับยาสากล โดยสามารถนำสารกลุ่มนี้ไปใช้เพื่อระบุเอกลักษณ์และวิเคราะห์โครงสร้างของสารปนเปื้อนที่มีในตัวอย่างได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่าง : เภสัชตำรับยา BP ที่มีการระบุกลุ่มสาร Impurities ในตำรับยา Azithromycin

Azithromycin - Impurity J (Freebase) Decladinosylazithromycin

 

Azithromycin - Impurity B (Freebase) 3-Deoxyazithromycin

 

Azithromycin - Impurity C  3''-O-demethylazithromycin

 

สำหรับสารในกลุ่ม Impurities อื่นๆทุกท่านสามารถเข้าชมได้ที่ Website จากทาง Phramaffilates ได้เลย

คลิ๊กด้านล่าง >

 

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าตามช่องทางด้านล่าง 

Tel : 02-038-9999

Line@ : @ApexChemicals 

Email : info@apexchemicals.co.th 

Drug Metabolites

กลุ่มสินค้าสารมาตรฐานอ้างอิง (Reference Material) ที่จัดเป็นสารที่สามารถเกิดขึ้นได้จากกระบวนการเมแทบอลิซึมของตัวยาสำคัญ (Drug Metabolism) ซึ่งกระบวนการนี้เกิดขึ้นจากกลไก
ที่ต้องการกำจัดตัวยาออกจากร่างกาย จึงมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตัวยาให้อยู่ในโครงสร้างที่มีสภาพขั้วเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปจะเปลี่ยนไปเป็นโครงสร้างที่ไม่มีความอันตรายต่อร่างกาย
และสามารถถูกกำจัดออกได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสารเมแทบอไลต์บางตัวที่มีความเป็นพิษต่อร่างกาย จึงมีความต้องการในการนำโครงสร้างยาเหล่านี้มาศึกษาถึงผลข้างเคียงอันเกิด
จากความเป็นพิษ ที่อาจส่งผลให้ฤทธิ์ทางการรักษาของยาเปลี่ยนไปได้

 

ตัวอย่าง : Azithromycin Metabolites ที่พบได้ในเนื้อเยื่อไต

สำหรับสารในกลุ่ม Drug Metabolites อื่นๆทุกท่านสามารถเข้าชมได้ที่ Website จากทาง Phramaffilates ได้เลย

คลิ๊กด้านล่าง >

 

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าตามช่องทางด้านล่าง 

Tel : 02-038-9999

Line@ : @ApexChemicals 

Email : info@apexchemicals.co.th 

Active Pharmaceutical Ingredients หรือ API 

กลุ่มสินค้าสารมาตรฐานอ้างอิง (Reference Material) ทางอุตสาหกรรมยา ที่เป็นตัวยาสำคัญ โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจสอบทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเพื่อหาตัวยาสำคัญที่มีวัตถุดิบยา และยาสำเร็จรูปที่ประกอบขึ้น เพื่อให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามเภสัชตำรับยาที่มีการใช้อ้างอิง

ตัวอย่าง : เภสัชตำรับยา BP - Azithromycin

Azithromycin เป็นตัวยาที่ใช้สำหรับการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียได้ทั้งแกรมบวกและแกรมลบ โดยจะป้องกันไม่ให้แบคทีเรียมีการเจริญเติบโต
ด้วยการออกฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย

 

Tip : BP นั้นมีการระบุให้มีปริมาณตัวยาสำคัญอยู่ในช่วง 96.0 - 102.0%

 

 

สำหรับสารในกลุ่ม Active Pharmaceutical Ingredients หรือ API อื่นๆทุกท่านสามารถเข้าชมได้ที่ Website จากทาง Phramaffilates ได้เลย

คลิ๊กด้านล่าง >

 

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าตามช่องทางด้านล่าง 

Tel : 02-038-9999

Line@ : @ApexChemicals 

Email : info@apexchemicals.co.th 

Deuterated Compounds

กลุ่มสินค้าสารมาตรฐานอ้างอิง (Reference Material) ในรูปของสารไอโซโทป เนื่องจาก (Deuterated, 2H) เป็นสารที่สามารถพบในธรรมชาติและไม่ใช่ธาตุกัมมันตรังสีจึงนำมาประยุกต์ใช้เพื่อศึกษากลไก, ปฏิกิริยา  และการออกฤทธิ์ของตัวยาสำคัญ เช่น กระบวนการเมทาบอลิซึม (Metabolic Pathway), การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารหรือการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence) โดยสามารถทำการตรวจวัดสารกลุ่มนี้ได้ด้วยเทคนิค Mass Spectroscopy (MS), Infrared Spectroscopy (IR)หรือ Nuclear Magnetic Resonance (NMR) Spectroscopy

นอกจากนี้ยังมีอยู่ในรูปไอโซโทปอื่นๆ เช่น  13C และ 15N สามารถสังเกตสินค้าในกลุ่มของ Isotopically Labeled Compounds ของแบรนด์ Pharmaffiliates ได้ง่ายๆจากตัวอักษร STI ที่ปรากฏบนรหัสสินค้า

 

สำหรับสารในกลุ่ม Active Pharmaceutical Ingredients หรือ API อื่นๆทุกท่านสามารถเข้าชมได้ที่ Website จากทาง Phramaffilates ได้เลย

คลิ๊กด้านล่าง >

 

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าตามช่องทางด้านล่าง 

Tel : 02-038-9999

Line@ : @ApexChemicals 

Email : info@apexchemicals.co.th 

 

Carbohydrates

สารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษากระบวนการ Glycobiology, Chemo-enzymatic glycosylation, Glycan assembly และ Protein glycosylation modification ครอบคลุมทั้ง Monosaccharides, Oligosaccharides และ Polysaccharides

 

Biosynth - Carbohydrates | Apex Chemicals

 

  • โมโนแซ็กคาไรด์ (Monosaccharide) หรือน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของคาร์โบไฮเดรต 

ยกตัวอย่าง น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่เรารู้จักกันดีอย่าง กลูโคส (Glucose),ฟรุกโทส (Fructose) และ กาแลกโทส (Galactose) อีกทั้งโมโนแซคคาไรด์ยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากทางชีวภาพ เช่น การสร้างพันธะไกลโคซิดิก เพื่อสร้างโอลิโกแซคคาร์ไรด์ และโพลิแซคคาร์ไรด์

  

  • พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

ที่ประกอบไปด้วยโมโนแซ็กคาไรด์ที่เรียงต่อกันด้วยพันธะไกลโคซิดิกเป็นสายยาวตั้งแต่ 10 โมเลกุลขึ้นไป โดยหน้าที่หลักของพอลิแซ็กคาไรด์ คือการเป็นโครงสร้างในสิ่งมีชีวิต เช่น เซลลูโลส (Cellulose), ไคทิน (Chitin) และเพกทิน (Pectin) หรือเป็นแหล่งพลังงานอย่าง สตาร์ซ (Starch) และไกลโคเจน (Glycogen) 

 

  • โอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharide) 

เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบไปด้วยโมโนแซ็กคาไรด์ตั้งแต่ 2 โมเลกุลขึ้นไป แต่ไม่เกิน 10 โมเลกุล และจับกันด้วยพันธะไกลโคซิดิก โดยที่พบมากในธรรมชาติมีอยู่ 2 ชนิดคือ ไดแซ็กคาไรด์ และไตรแซ็กคาไรด์ อีกทั้งโอลิโกแซ็กคาไรด์ยังมีประโยชน์อย่างมากในอุตสาหกรรมอาหาร และเภสัชกรรม เช่น การหมัก (Fermentation), โพรไบโอติกส์ (Probiotics),อิมัลซิฟายเออร์ (Emulsifiers) และสารช่วยทางเภสัชกรรม (Excipients) 

   

 

Nucleosides, Nucleotides and Nucleic acids | Apex Chemicals

นิวคลีโอไซด์, นิวคลีโอไทด์ และกรดนิวคลีอิก มักพบในงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพ, ด้านชีววิทยา และด้านการแพทย์ โดยมี  นิวคลีโอไซด์ มากกว่า 2,800 รายการ ทั้งที่มาจากธรรมชาติ (Natural Nucleoside) และ นิวคลีโอไซด์ดัดแปลง (Modified Nucleoside) รวมไปถึง Nucleoside derivatives ที่สามารถใช้เป็นสารต้านมะเร็ง (Anticancer agents) และสารต้านแบคทีเรีย (Antimicrobial agents) เช่น ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics), สารต้านเชื้อรา (Antifungals) และยาต้านไวรัส (Antivirals) ได้ และมีการใช้ในการเกษตร โดยนำไปใช้เป็นสารกำจัดวัชพืช และสารฆ่าแมลงอีกด้วย เช่น

  • Ribonucleosides
  • 2'-deoxynucleosides
  • Dideoxynucleotide
  • Modified sugars

 

 

 

Enzyme Substrates

สารตัวกลาง หรือสารตั้งต้นเอนไซม์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ใช้ในการติดตามการทำปฏิกิริยาของเอนไซม์ในงานชีวภาพ เช่น การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (culture media) วินิจฉัยโรค (Diagnostic), งานวิเคราะห์ทางด้านอาหาร (Food testing) และด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental testing)

 

Biosynth - Enzyme Substrates l Apex Chemicals
 

  • Bioluminescence

ไบโอลูมิเนสเซนส์ เป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดจากการปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสงสว่าง ที่เป็นผลมาจากปฏิกิริยาเอนไซมาติก (Enzymatic reaction) เช่น ลูซิเฟอริน (Luciferin) ที่มีประโยชน์ทางด้านการแพทย์ อีกทั้งงานตรวจวัดการปนเปื้อนทางด้านอาหาร และสิ่งแวดล้อม 

 

  • Chemiluminescence

เคมิลูมิเนสเซนซ์ คือการเปล่งแสง ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่ไม่ใช่เอนไซมาติก (Enzymatic) โดยปฏิกิริยาเคมีจะกระตุ้นให้เกิดพลังงาน แล้วกลับคืนสู่สภาวะพื้นด้วยการคายพลังงานในรูปแสง และเคมิลูมินเนเซนส์มีโครงสร้างเคมีหลายประเภท เช่น Peroxyoxalates, Acridinium salts, Luminol, และ Dioxetanes

 

  • Chromogenic Substrates

สารไม่มีสี ที่ได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้สีเมื่อถูกใช้ในปฏิกิริยาเคมีหรือชีวเคมี โดยอาศัยความจำเพาะของเอนไซม์ต่อซับสเตรท มีสมบัติละลายน้ำได้ดี ทนต่อความร้อน และสามารถกระจายตัวได้ดีในของแข็ง ส่วนใหญ่ใช้ในการทดสอบและวิจัยทางชีววิทยา เช่น ในการตรวจวัดการทำงานของเอนไซม์ โปรตีน หรือสารต่าง ๆ

 

  • Fluorogenic Substrates

สารประกอบที่ใช้ในการทดสอบและวิจัยในด้านชีววิทยาและเคมีชีวภาพ ที่ประกอบไปด้วย Enzyme-labile moiety และ Fluorogenic moiety โดยอาศัยความจำเพาะของเอนไซม์ และสารเรืองแสงในสภาวะกระตุ้นในการวิเคราะห์ 

Enzymes

เอนไซม์ คือกลุ่มของโปรตีนที่มีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมี โดยการไปลดพลังงานกระตุ้น (Activation Energy) ของปฏิกิริยา ทำให้ปฏิกิริยาเกิดได้ง่ายขึ้น และเอนไซม์มีความจำเพาะต่อสารที่ทำปฏิกิริยา ที่เรียกว่า ซับสเตรต (Substrate) โดยจะทำปฏิกิริยากับซับสเตรตที่กำหนดไว้เท่านั้นอีกด้วย

เอนไซม์ถูกจัดกลุ่มเป็น 7 ประเภทหลัก ได้แก่ Oxidoreductases, Transferases, Hydrolases, Lyases, Isomerases, Ligases และ Translocases อีกทั้งยังมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, การรักษาโรค และการวินิจฉัยทางการแพทย์

 

Biosynth - Enzymes l Apex Chemicals

 

  • Oxidoreductases
    ออกซิโดรีดักเตส เอนไซม์ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยา ด้วยการเพิ่มหรือลดของอะตอมไฮโดรเจน ตัวอย่างกลุ่มของเอนไซม์ เช่น Oxidases, Peroxidases and Catalases ยังรวมไปถึงเอนไซม์ลูซิเฟอเรส (Luciferases enzymes) เอนไซม์ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันอีกด้วย

 

  • Transferases
    ทรานสเฟอเรส ตือเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย้าย หรือโอนหมู่ฟังก์ชันต่าง ๆ ระหว่างตัวให้ (Donor) และตัวรับ (Acceptor) ตัวอย่างหมู่ฟังก์ชันที่ถูกย้าย เช่น Phosphoryl, Methyl, Glycosyl เป็นต้น ส่วนกลุ่มเอนไซม์ที่ใช้ย้ายหมู่ฟังก์ชันอย่าง Methyltransferases, Phosphorylases จะใช้ชื่อตามกลุ่มตัวให้และตัวรั

 

  • Hydrolases
    ไฮโดรเลส เป็นเอนไซม์ที่เร่งการแตกพันธะเคมี ด้วยกระบวนไฮโดรไลซิส หรือปฏิกิริยาที่มีการเติมน้ำ ตัวอย่าง เช่น Amidase, Collagenase, Lipase, Proteases เป็นต้น

 

  • Lyases
    ไลเอส เอมไซ์ที่ทำหน้าที่เร่งการแตกพันธะเคมี ระหว่างอะตอมคาร์บอน และอะตอมอื่น ด้วยการขจัดน้ำ แอมโมเนีย คาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากโมเลกุล แล้วทำให้เกิดพันธะคู่ ตัวอย่างกลุ่มเอนไซม์ชนิดนี้ เช่น Aldolases, Nitrile hydratase เป็นต้น

 

  • Ligases
    ไลเกส คือเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการรวมตัวของโมเลกุล ด้วยการสร้างพันธะใหม่ ได้แก่ พันธะ C-O, C-S, C-N, C-C, Phosphoric ester and Nitrogen-metal และยังมีเอนไซม์ไลเกสในธรรมชาติอย่าง DNA ligase ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการทำซ้ำของดีเอ็นเอ (DNA replication) อีกด้วย 
     

Hard-to-find research chemicals

หรือ Research Chemicals : สารตั้งต้นหรือสารเคมีที่จำเพาะกับงานวิเคราะห์วิจัย ตั้งแต่สารตั้งต้น (Starting material), สาร Coupling agents ในงานเคมีอินทรีย์ งานสังเคราะห์อนุพันธ์ของโปรตีน ในกลุ่มของ Peptide และ Amino acids รวมไปถึงสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านเคมีอนินทรีย์ ในกลุ่มของ Olyamines, Polymers และสารเคมีที่ทำหน้าที่เป็นหมู่ปกป้อง (Protecting reagents) สำหรับงานสังเคราะห์ต่างๆ

 

Biosynth - Hard to find research chemicals l Apex Chemicals

 

  • Dyes, Stains, Indicators & Probes

สารสี หรือสารให้สี ที่ใช้ในงานวิจัย ทดสอบ และตรวจสอบในงานทางด้านชีววิทยา เพื่อให้สามารถมองเห็นสี หรือมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีได้ง่ายมากขึ้น 

 

  • Inorganic Compounds

สารประกอบอนินทรีย์ เป็นสารที่ประกอบไปด้วยธาตุต่าง ๆ เช่น S , O , Cl , Na , Mg , Al , และ C เป็นต้น รวมไปถึงสารประกอบเคมีโลหอินทรีย์ หรือ Organometallic compounds ด้วย โดยสารประกอบอนินทรีย์สามารถพบได้ในตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts), สารสี (Pigments), งานเคลือบ (Coatings) และสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) เป็นต้น   

 

  • PEG Products

PEG หรือ polyethylene glycol เป็นสารเคมีสังเคราะห์ ที่เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการ Bioconjugation ซึ่งเป็นกระบวนการเชื่อมพันธะโควาเลนต์ระหว่างชีวโมเลกุลในการสังเคราะห์พอลิเมอร์ ยกตัวอย่าง เช่น PEG polymers, Heterobifunctional, Multi-arm PEGs, Fluorescent PEGs และอีกมากมาย  

 

  • Peptide Synthesis Tools

สาร หรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการสังเคราะห์เปปไทด์ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการศึกษา และพัฒนาทางด้านการแพทย์ เช่น ด้านการผลิตยา การวิจัยทางด้านชีววิทยา และการศึกษาโครงสร้างของโปรตีน

 

  • Phenols and Benzyl Alcohols

ฟีนอล และเบนซิลแอลกอฮอล์ เป็นสารประกอบแอโรมาติก ที่มีหมู่หมู่ไฮดรอกซิล (OH) เป็นองค์ประกอบ และด้วยคุณบัติด้านการออกซิเดชัน จึงทำให้ฟีนอลถูกใช้เป็นสารหลักในหลาย ๆ การสังเคราะห์ เช่น สังเคราะห์ การผลิตปุ๋ย, สารเคลือบเงา, น้ำหอม, เรซิ่น, กาว เป็นต้น และเบนซิลแอลกอฮอล์ ที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์สบู่ ผงซักฟอก และสารปรุงรสต่าง ๆ 

 

  • Phospholipids

ฟอสโฟลิพิด ประกอบไปด้วยกลีเซอรอล, กรดไขมัน และและกรดฟอสฟอริก ซึ่งในโมเลกุลมีทั้งส่วนที่ชอบน้ำ (Hydrophilic) และไม่ชอบน้ำ (Hydrophobic) ซึ่งสมารถใช้เป็นอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, อุตสาหกรรมยา หรืออุตสาหกรรมความงามอย่าง เครื่องสำอาง เป็นต้น 
 

Natural product | Apex Chemicals

 

Natural products ภายใต้แบรนด์ Biosynth มีผลิตภัณฑ์ธรรมชาติให้เลือกมากกว่า 2,000 รายการ และมีความเชี่ยวชาญในการจัดหาสารพฤกษเคมีจากธรรมชาติ หรือสารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพในพืช และชนิดอื่น ๆ จากธรรมชาติ เช่น Chalcones, Alkaloids, Caffeoylquinic acids, Coumarins, Terpenes และ Steroids ที่นำไปใช้ในงานวิจัย การพัฒนา และการทดสอบ 

 

Life Sciences 

ผลิตภัณฑ์กลุ่มงานวิทยาศาสตร์ชีวภาพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสารละลายบัฟเฟอร์ (Buffers) และสารสีย้อม (Dyes) รวมไปถึงสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Biologically active molecules) นอกจากนี้ยังมีสารโมเลกุลขนาดเล็กที่สามารถทำปฏิกิริยากับโปรตีนหรือกรดนิวคลีอิคที่ระดับโมเลกุลอีกด้วย

 

Biosynth - Life Sciences l Apex Chemicals

 

  • Antibodies 

แอนติบอดี ที่รวมไปถึงโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ (Monoclonal antibodies) และสารต้านสารพิษ (Antisera) ที่ใช้ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ มะเร็ง และงานวิจัยโรคอื่น ๆ รวมไปถึงกระบวนการทางชีวภาพ เช่น Immunohistochemistry, ELISA, Western blot และ radioimmunoassay (RIA) อีกทั้งยังมีชุดทดสอบ ELISA ที่หลากหลายให้เลือกใช้   

 

  • Peptides and Biochemicals

Biosynth ร่วมสนับสนุนนวัตกรรมในงานวิจัยโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคต่อมไร้ท่อ, โรคในระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงโรคมะเร็ง และโควิด-19 ด้วยเปปไทด์ และผลิตภัณฑ์ชีวภาพกลุ่ม Biochemicals เช่น PAR peptides, CEF peptides และ Epitopes   

 

  • Proteins and Antigens

โปรตีน และเอนติเจน ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Biosynth ที่สนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการของเซลล์ กระตุ้นการสร้างแอนติบอดี และหลาย ๆ งานวิจัยด้านเคมี

 

  • Biological Reagents

สารที่ใช้ในการวิจัย และวิเคราะห์ทางด้านชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ งานวิจัยทางด้านการแพทย์ และยา
 

 

 

Adapters

Adapters

ข้อต่อ หรือ อะแดปเตอร์ ใช้สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องแก้วที่มีขนาดข้อต่อไม่เท่ากัน สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Condenser ที่มีขนาดของข้อต่อไม่เท่ากันได้ ข้อต่อมีให้เลือกใช้หลากหลาย ดังนี้

Beakers
Beakers

บีกเกอร์ เป็นที่นิยมใช้ในห้องปฏิบัติการ, โรงงานอุตสาหกรรม และในสถาบันการศึกษาเพราะสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย สามารถนำไปใช้บรรจุสารเคมีเพื่อให้ความร้อน ใช้ในการกวนผสมของเหลว หรือเป็นภาชนะสำหรับให้สารตัวอย่างทำปฏิกิริยากัน

บีกเกอร์ของ Borosil ทำจากแก้ว Borosilicate 3.3 เนื้อแก้วหนาสม่ำเสมอแข็งแรงและทนความร้อนได้ดี

บีกเกอร์มีหลายขนาด และหลายรูปทรง ทั้งบีกเกอร์แบบมีจงอยปาก (With Spout) สำหรับเทสารได้ง่ายและแม่นยำ และบีกเกอร์แบบไม่มีจงอยปาก (Without Spout) โดยที่ข้างบีกเกอร์จะมีตัวเลขระบุความจุของบีกเกอร์ ทำให้ผู้ใช้สามารถทราบปริมาตรของของเหลวที่บรรจุอยู่ได้อย่างคร่าวๆ แต่ไม่เหมาะสำหรับการวัดปริมาตรอย่างละเอียด

บีกเกอร์ยังมักนิยมถูกใช้ในการอุ่นให้ความร้อนสาร  บีกเกอร์ทรงสูง (Beaker Tall Form) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้อุ่นสารในอ่างควบคุมอุณหภูมิ (Liquid Bath/ Water Bath) เนื่องจากช่วยป้องกันสารตัวอย่างที่อยู่ภายในตัวบีกเกอร์จากของเหลวรอบๆนอกได้เป็นอย่างดี

 

ผลิตภัณฑ์บีกเกอร์ของ Borosil ที่ขายดีที่สุดที่เหมาะสำหรับงานเก็บตัวอย่างและกวนผสมสาร คือ 

1. บีกเกอร์ทรงเตี้ย  (Beaker, Low Form, with spout) รหัส 1000

2. บีกเกอร์ทรงสูง (Beaker, Tall Form, with spout) รหัส 1060

 

Bottles
Bottles

ขวดเก็บสารเคมี เป็นขวดสำหรับใช้งานทั่วไปในห้องทดลอง เช่น ใช้เก็บสารละลาย mobile phase เก็บสารตัวอย่าง เป็นต้น

  • ผลิตตามมาตรฐาน ISO 3585 Type I, Class A - Low expansion Borosilicate glass/ISO 4796-1/ASTM E-438 (สเป็คมาตรฐานสากลของเนื้อแก้วที่ใช้ผลิตเครื่องแก้วสำหรับห้องปฏิบัติการ)
  • ผลิตจากแก้ว Borosilicate 3.3 Low Expansion มีสัมประสิทธิ์การขยายตัวเมื่อโดนความร้อนต่ำ
  • ทั้งตัวขวดและฝาสามารถนำไปนึ่งฆ่าเชื้อได้ (autoclaveable)
  • ฝาขวดทำจากพลาสติกชนิดโพลีโพรพีลีน (PP) แบบทึบแสง ทนทานสูงต่อการกัดกร่อนของสารเคมี
  • ขวดปริมาตร 100ml ถึง 20,000ml มาพร้อมกับฝาเกลียวขนาดมาตรฐาน GL45 สามารถสลับเปลี่ยนใช้งานได้อย่างสะดวก
  • ขวดแก้วทนทานแข็งแกร่งด้วยผนังที่หนาและเรียบสม่ำเสมอ
  • ดีไซน์เพรียวสวย สะดวกต่อการใช้งานและการจัดเก็บ

ตัวอย่างรายการสินค้า

Burettes
Burettes

บิวเรตต์  เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการไทเทรต (titration) โดย บิวเรตต์ ของ Borosil ผลิตจากแก้ว 3.3 Borosilicate ที่มีความแข็งแรงทนทาน มีรูปร่างเป็นหลอดแก้วใสยาวปลายเปิด มีขีดบอกปริมาตรต่างๆ กำกับไว้ ขีดบอกปริมาตรมีให้เลือกทั้งแบบสีขาวและสีฟ้า เนื้อแก้วมีทั้งแบบสีใสและสีชา และมีก็อกสำหรับเปิด-ปิด (stopcock) ทำจากแก้วหรือเทฟร่อน (PTFE) อยู่ทางปลายด้านล่าง เพื่อควบคุมอัตราการไหลของสารละลาย

 

บิวเรตต์ ของ Borosil มีให้เลือก 3 แบบตามความถนัดของผู้ใช้งาน คือ 1. Straight Bore (คอตรง)  2. Three way (แบบสามทาง)  3. Boroflo (แบบก๊อกเกลียวหมุน) ซึ่งเป็นแบบที่สามารถควบคุมอัตราการไหลของสารละลายได้ดีกว่าแบบปกติและไม่ต้องคอยเอาสารหล่อลื่นมาทาที่ก๊อก เพื่อป้องกันปัญหาการปนเปื้อนจากสารหล่อลื่น

และขนาดมีตั้งแต่ขนาด 10 ml - 100 ml ได้รับมาตรฐาน ISO / DIN 385 ซึ่ง บิวเรตต์ แต่ละชิ้นจะได้รับการสอบเทียบด้วยเครื่องอัตโนมัติ ทำให้มีความถูกต้องแม่นยำ ตามมาตรฐาน ISO / DIN / Class A และ Batch Certificate

ตัวอย่างรายการสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่าย

Chromatography Columns

Chromatography Columns
โครมาโตกราฟี คอลัมน์ นิยมใช้แยกสารต่างๆมากมายหลายชนิด เช่น การแยกองค์ประกอบต่างๆในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ  การแยกสารผลิตภัณฑ์ออกจากปฏิกิริยา เป็นต้น
เทคนิคนี้สามารถปรับขนาดคอลัมน์ให้เหมาะกับปริมาณสารที่ต้องการแยกได้ โดยมี stationary phase ที่เป็นของแข็ง เช่น ซิลิกา เจล (SiO2.xH2O) บรรจุอยู่ในคอลัมน์ยาว จากนั้นจึงเติมสารผสมที่ต้องการแยกลงไปด้านบนของคอลัมน์ก่อนที่จะผ่านตัวทำละลายที่เป็น mobile phase ลงไปเพื่อทำให้เกิดการแยกสาร อาศัยคุณสมบัติที่สารต่างชนิดกันจะมีความเป็นขั้วของสารต่างกันในการแยกองค์ประกอบสารแต่ละชนิดในสารผสมออกจากกัน
 
ตัวอย่างรายการสินค้า
Condensers
Condensers

คอนเดนเซอร์  ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการระบายความร้อนของไอร้อนและของเหลว ซึ่งมีโครงสร้างในรูปแบบของหลอดแก้วขนาดใหญ่มีหลอดแก้วขนาดเล็กวิ่งผ่านตลอดความยาวของตัวคอนเดนเซอร์ซึ่งของไหลร้อนจะไหลผ่านท่อภายในเล็ก ๆ นี้ โดยปกติแล้ว หลอดแก้วด้านนอกจะมีท่อสองอันมาเชื่อมต่อบริเวณด้านบนกับด้านล่างเพื่อช่วยในการไหลผ่านและหมุนเวียนของสารหล่อเย็น (โดยมากนิยมใช้ น้ำที่ระดับอุณหภูมิห้อง น้ำเย็น หรือ สารระบายความร้อน) สารหล่อเย็นจะถูกลำเลียงเข้าสู่คอนเดนเซอร์ผ่านทางท่อด้านล่างแล้วไหลออกทางท่อด้านบน ช่วยระบายความร้อนออกจากของไหลร้อนที่ไหลอยู่ภายในหลอดแก้วชั้นในของคอนเดนเซอร์

เราอาจนำคอนเดนเซอร์หลายอันมาต่อเชื่อมกันได้โดยต้องเลือกขนาดของข้อต่อ (interchangeable joint size) ที่เชื่อมกันให้พอดี ควรเลือกซื้อ คอนเดนเซอร์ให้เหมาะกับเทคนิควิธีวิเคราะห์และการใช้งานของตนโดยไม่ลืมที่จะคำนึงถึง อัตราการกลั่นตัวกลายเป็นไอของสาร (Distillation rate), อัตราส่วนป้อนกลับ (Reflux rate) และ ความลาดชันของอุณหภูมิหรืออัตราการลดลงของอุณหภูมิ (Temperature gradient)

คอนเดนเซอร์ของโบโรซิลมีให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์งานการใช้งาน

Cones
Cones
กรวยอิมฮอฟฟ์ ( Imhoff Cones) ใช้เป็นอุปกรณ์ในการวิเคราะห์หาปริมาณของแข็งที่อยู่ในน้ำ, น้ำเสีย ด้วยวิธีการตกตะกอน อาจใช้ฝาปิดกรวยหรือไม่ก็ได้ การวัดปริมาตรของของแข็งหรือน้ำหนัก จะวัดหลังจากกำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง โดยการอ่านค่าของแข็งที่ตกตะกอนแล้วที่ขีดบอกปริมาตรที่ก้นกรวยออกมาในหน่วยมิลลิลิตรต่อลิตร+
 
ตัวอย่างรายการสินค้า
Cylinders
Cylinders
กระบอกตวง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัดปริมาตรของเหลว (volumetric glassware) ใช้ตวงวัดปริมาตรของของเหลวอย่างคร่าวๆ มีความแม่นยำอยู่ในระดับ +/- 1%

กระบอกตวงของแบรนด์ Borosil ผลิตจากแก้ว 3.3 Borosilicate ที่มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีและการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้เป็นอย่างดี Cylinder มีรูปร่างทรงกระบอก ฐานเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการกลิ้งตกหล่น ขีดบอกปริมาตรมีให้เลือกทั้งแบบ สเกลสีขาว ซึ่งเป็นสีเซรามิคเคลือบบนพื้นผิวแก้ว และ แบบสีชา ซึ่งเป็นแบบสีพิเศษที่ถูกอบให้ผงสีซึมลงไปในเนื้อแก้ว สีสเกลจึงฝังแน่นในเนื้อแก้ว ไม่มีปัญหาสเกลเลือนหาย

  • Cylinder มีขนาดให้เลือกตั้งแต่  5ml - 2,000ml  ทั้งแบบ Class A และ Class B
  • สำหรับเครื่องแก้ววัดปริมาตร Class A ของ Borosil นั้นมีมาตรฐานในการสอบเทียบให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของลูกค้า เช่น ISO / DIN / ASTM ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการ Certificate รับรองค่าการสอบเทียบแบบเป็นรายชิ้น (Individual Certificate) หรือแบบรายล็อตการผลิต (Batch certificate) ได้อีกด้ว

ตัวอย่างรายการสินค้าที่ทางบริษัทฯ มีพร้อมจัดส่งทันที

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

30ml ICP-MS and ICP Single Element Standards
ขนาด 30ml ทั้งเล็ก ทั้งประหยัด !
ประหยัดทั้งราคาต้นทุนสินค้า พื้นที่การจัดเก็บ และค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสีย
AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

30ml ICP-MS and ICP Single Element Standards
ขนาด 30ml ทั้งเล็ก ทั้งประหยัด !
ประหยัดทั้งราคาต้นทุนสินค้า พื้นที่การจัดเก็บ และค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสีย
AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

Laboratory Reagents (LR)

Laboratory Reagents (LR)

สารเคมีเกรดห้องปฏิบัติการ (Laboratory reagent grade ย่อ LR grade)  ใช้กับงานอันหลากหลายในห้องปฏิบัติการ ห้องวิจัย สารเกรดนี้มีความบริสุทธิ์สูงพอทีจะใช้เป็นสารทำปฏิกิริยาโดยทั่วไป  แต่ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นสารมาตรฐานปฐมภูมิ มีการรับรองความบริสุทธิ์ และปริมาณสูงสุดของสารปนเปื้อน

สินค้าของ Loba Chemie อาจเรียก ว่า Extra Pure grade ในบางกลุ่มสินค้า 

สินค้าเกรดนี้เทียบได้กับเกรด Lab ของแบรนด์สากลอื่นๆ เช่น purum, puriss, EMPLURA, SLR, Lab grade

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

Organic Standards 

สารมาตรฐานเคมีอินทรีย์

Volatile Organic Compound Standards (VOCs)

               เป็นสารมาตรฐานของสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยง่าย โดยสารมาตรฐานชนิดนี้นิยมใช้ในการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Phenol Standards

               เป็นสารมาตรฐานของสารฟีนอล 

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Polycyclic Aromatic Hydrocarbon Standards (PAHs)

               เป็นสารมาตรฐานของโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนหรือสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ประกอบด้วยวงเบนซีนตั้งแต่2วงขึ้นไป นิยมใช้ในการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Pesticide standards

               เป็นสารมาตรฐานของยาฆ่าแมลง

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Azo Dye Metabolite Standards

               เป็นสารมาตรฐานของสีย้อม นิยมใช้ในการวิเคราะห์สีที่เติมในอาหาร

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Fatty Acid Methyl Ester & Fatty Acid Ethyl Ester Standards (FAME & FAEEs)

               เป็นสารมาตรฐานของกรดไขมันเมทิลเอสเทอร์และเอทิลเอสเทอร์ นิยมใช้ในการวิเคราะห์ไขมันและน้ำมันในอาหาร

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Nitrosamine Standards

               เป็นสารมาตรฐานของไนโตรซามีน นิยมใช้ในการวิเคราะห์ทางด้านสิ่งแวดล้อม, โรงงานผลิตเครื่องดื่ม และโรงงานผลิตเครื่องสำอาง

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC และ GC-MS

Polybrominated Biphenyl Standards (PBBs)

               เป็นสารมาตรฐานของโพลีโบรมิเนตไบฟีนิลหรือพีบีบี(PBB) ซึ่งพีบีบีเป็นสารที่ถูกเติมลงไปในผลิตภัณฑ์อย่างอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ 

Polybrominated Diphenyl Ethers (PBDE) & Other Flame Retardant Standards

               เป็นสารมาตรฐานของโพลีโบรมิเนตไดฟีนิลอีเทอร์หรือพีบีดีอี(PBDE) ในการนำไปใช้ประโยชน์พีซีบีจะเป็นส่วนประกอบในในเครื่องคาปาซิเตอร์(capacitors) หม้อแปลงไฟฟ้า(transformers), น้ำมันไฮดรอลิก, น้ำมันหล่อลื่น, กระดาษอัดสำเนา, เป็นพลาสทิไซเซอร์(plasticisers)ในสีวาดรูปและปูนซีเมนต์, เป็นสารเติมแต่งในการเคลือบผิวPVC และเป็นสารในยาฆ่าแมลง  

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้กับเครื่อง GC,GC-MS และ LC

Polychlorinated Biphenyl Standards (PCBs)

               เป็นสารมาตรฐานของโพลีคลอริเนตไบฟีนิลหรือพีซีบี(PCB) ในการนำไปใช้ประโยชน์พีซีบีจะเป็นส่วนประกอบในในเครื่องคาปาซิเตอร์(capacitors) หม้อแปลงไฟฟ้า(transformers), น้ำมันไฮดรอลิก, น้ำมันหล่อลื่น, กระดาษอัดสำเนา, เป็นพลาสทิไซเซอร์(plasticisers)ในสีวาดรูปและปูนซีเมนต์, เป็นสารเติมแต่งในการเคลือบผิวPVC และเป็นสารในยาฆ่าแมลง  

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้กับเครื่อง GC,GC-MS และ LC

Phthalate Standards

               เป็นสารมาตรฐานของพาทาเลต พาทาเลตมักจะถูกนำไปใช้ในรูปของพลาสทิไซเซอร์ที่เติมลงในพลาสติก เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น, ความใส และความทนทานให้แก่พลาสติก นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบในกาว, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก, เครื่องมือทางการแพทย์, ท่อ, บรรจุภัณฑ์, เครื่องสำอาง, ของเล่นเด็ก และอาหาร โดยพาทาเลตที่ถูกเติมลงไปในพลาสติกประเภทบรรจุภัณฑ์สามารถปนลงไปในอาหารและน้ำดื่มได้ จึงมีการวิเคราะห์เรื่องการปนเปื้อนของพาทาเลต

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง LC-MS และGC-MS

Semi Volatile Organic Compound Standards (SVOCs)

               เป็นสารมาตรฐานของสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถระเหยได้ปานกลาง นิยมใช้ในการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ ซึ่งสารมาตรฐานชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเครื่อง GC, GC-MS, HPLC และ LC-MS

Piano, PONA & PNA Standards

               เป็นสารมาตรฐานของสารผสมของสารประกอบเชิงซ้อนไฮโดรคาร์บอนที่ทราบปริมาณ

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ

Petrochemical Standards

               เป็นสารมาตรฐานของสารที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม นิยมใช้ในการตรวจสอบด้านอุตสาหกรรมปิโตรเลียม

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ EPA และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

Petrochemistry

อุตสาหกรรมปิโตรเคมี คือการนำสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มาจากปิโตรเลียมหรือก๊าซธรรมชาติเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น เอทิลีน โพรพิลีน เบนซีน เป็นต้น และถือเป็นจุดเริ่มต้นของวัตถุดิบ ก่อนจะถูกแปรรูปสู่ขั้นกลางจนถึงขั้นปลายได้แก่ กลุ่มพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ ยางสังเคราะห์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาพัฒนาเป็นสินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่องสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับมนุษย์

ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Asphalt

อุตสาหกรรม​ยางมะตอย หรือแอสฟัลต์  เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบและสามารถเกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ มีการใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรมในด้านคมนาคมและการก่อสร้าง 

Reagecon Reagents and Standards : 

  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometersand Viscosity Oil Standards
  • Acid Number of Petroleum Products by Potentiometric Titration
  • TAN Standards: All in a Synthetic Base Oil Matrix
  • Base Number of Petroleum Products by Potentiometric Titration
  • TBN Standards: All in a Synthetic Base Oil Matrix
Biofuels

อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ คือ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่เกิดจากสารอินทรีย์โดยผ่านกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จากเชื้อเพลิงชีวภาพนี้ในการผลิตกำลังเพื่อใช้ในงานต่าง ๆ 

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
Coke

อุตสาหกรรม Coke หรือถ่านโค้ก เป็น residue carbon ในการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมด้วย กระบวนการแครกกิ้ง (Cracking process) เป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่มีธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และกำมะถัน เป็นองค์ประกอบหลัก 

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
Fuel Oil

อุตสาหกรรมน้ำมันเตา (Fuel Oils) เป็นน้ำมันที่ได้จากก้นหอกลั่นน้ำมันดิบ เป็นผลิตภัณฑ์ท้ายสุดที่เหลือจากการลั่นผลิตภัณฑ์อื่นๆออกไปแล้ว เช่น ก๊าซ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล เป็นต้น มีลักษณะสีดำ ข้น และหนืดมาก บางครั้งเรียกว่า กากกลั่น Residual Fuel หรือ Heavy Fuel Oils

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method -ASTM Colour Standards -Saybolt Colour Standards
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale) - Platinum-Cobalt Colour Standards* (Hazen)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals andRelated Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometersand Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards
Gasoline

อุตสาหกรรมน้ำมันเชื้อเพลิง (Gasoline) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ชนิดเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งใช้หัวเทียนในการจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์ ได้มาจากการนำน้ำมันองค์ประกอบ ที่ได้จากจากกระบวนการกลั่นน้ำมัน นำมาผสมสารเพิ่มคุณภาพ และสารเติมแต่ง เช่น MTBE, เอทานอล และสีย้อม

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method -ASTM/Saybolt Colour Standards
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale) -Platinum-Cobalt Colour Standards* (Hazen)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D664
Greases

อุตสาหกรรมจาระบี (Grease) คือ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีลักษณะกึ่งของแข็งและกึ่งของเหลว เป็นส่วนผสมของ น้้ามันหล่อลื่นพื้นฐาน สารเพิ่มคุณภาพทางเคมีและสบู่ น้้ามันหล่อลื่นพื้นฐานที่ใช้ทำจาระบีมักเป็นพวกที่มี ดัชนีความหนืดสูง เพื่อให้สามารถใช้ได้ทั้งอุณหภูมิสูงและต่ำในบางที่ที่ไม่สามารถใช้น้้ามันหล่อลื่นได้

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by theAutomatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals andRelated Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards -Acid Number of Petroleum Products by Potentiometric Titration
Kerosene

อุตสาหกรรมน้ำมันก๊าด หรือเคโรซีน เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดหนึ่ง เป็นสารผสมของไฮโดรคาร์บอนที่มีจุดเดือดตั้งแต่ 150-30000 องศาเซลเซียส ประกอบด้วยพาราฟิน แนฟธาและอะโรมาติกส์ เคโรซีนใช้ประโยชน์ในโรงงานอุตสาหกรรม ครื่องบินไอพ่น และกิจการบินพาณิชย์

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D664
Libricating Oils

อุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นหรือ น้ำมันเครื่อง ประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญคือ น้ำมันพื้นฐาน และสารเพิ่มคุณภาพ น้ำมันเครื่องมีหน้าที่ลดแรงเสียดทานของวัตถุชิ้นที่เสียดสีกัน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เคลือบช่องว่างระหว่างผิวสัมผัส ทำความสะอาดเขม่าและเศษโลหะภายในเครื่องยนต์ ป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมและกรดต่างๆ และป้องกันกำลังอัดของเครื่องยนต์รั่วไหล

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals andRelated Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D664
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D2896

 

 

 

Naphta

อุตสาหกรรมแนฟทา (Naphtha) เป็นน้ำมันกึ่งสำเร็จรูปที่กลั่นได้มาจากน้ำมันดิบที่หน่วยกลั่นบรรยากาศ ใสไม่มีสี ใช้เป็นวัตถุดิบสาหรับผลิตเป็นน้ำมันเบนซิน และเป็นวัตถุดิบป้อนโรงปิโตรเคมีเพื่อผลิตเม็ดพลาสติก

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale) - Platinum-Cobalt Colour Standards* (Hazen)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D664
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D2896
  • Standard Test Method for Detailed Analysis of Petroleum Naphthas through n-Nonane by Capillary Gas Chromatography
Other Petroleums

อุตสาหกรรมปิโตรเลียม อื่นๆ

Reagecon Reagents and Standards :

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D664
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D2896
  • Reagecon's Melting Point Standards -Reagecon's Density Standards @ 15°C, 20°C, 25°C, 40°C, 50°C, 60°C, 80°C, 
  • Additional Products of Interest Reagecon's Density Standards @ 15°C, 20°C, 25°C, 40°C, 50°C, 60°C, 80°C, 
  • Additional Products of Interest Reagecon's Refractive Index Standards - Stabilised Sucrose 
Petrochemical standards

อุตสาหกรรมปิโตรเคมี Petrochemical Standards in accordance to ASTM

Reagecon Reagents and Standards : 

  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Acid Number of Petroleum Products by Potentiometric Titration
  • Standards: All in a Synthetic Base Oil Matrix
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D2896 Base Number of Petroleum Products by Potentiometric Titration
  • TBN Standards: All in a Synthetic Base Oil Matrix
  • tandard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum- Cobalt Scale)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Density Standards in Accordance to ASTM D1480-12
  • Density Standards in Accordance to ASTM D4052-09
Waxes

อุตสาหกรรม​แว็กซ์ (Wax) เป็นสารประกอบประเภทไฮโดรคาร์บอน เป็นแว็กซ์ที่จัดอยู่ในกลุ่มปิโตรเลียมแว็กซ์ (Petroleum wax) โดยมีสูตรโครงสร้างทางเคมี คือ CnH2n+2 จำนวนคาร์บอนในห่วงโซ่โมเลกุล 19-36 อะตอม (C19-C36) มีลักษณะเป็นของแข็ง มีสีเหลืองอ่อนถึงขาว มีจุดหลอมเหลว อยู่ที่ระหว่าง 48-68 องศาเซลเซียส แว็กซ์ที่สามารถนำมาใช้ทำเทียนและใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ

Reagecon Reagents and Standards : 

  • Standard Test Method for Color of Petroleum Products by the Automatic Tristimulus Method
  • Standard Test Method for ASTM Color of Petroleum Products (ASTM Color Scale)
  • Standard Test Method for Color of Clear Liquids (Platinum-Cobalt Scale) - Platinum-Cobalt Colour Standards* (Hazen)
  • Standard Test Method for Color of Pine Chemicals and Related Products (Instrumental Determination of Gardner Color)
  • Standard Practice for Basic Calibration of Master Viscometers and Viscosity Oil Standards
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D664 - TAN Standards: All in a Synthetic Base Oil Matrix
  • Reagents, Titrants & Standards for ASTM D2896 - TBN Standards: All in a Synthetic Base Oil Matrix.
AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

AA/ ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards) และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ (multi-element standards) โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1,000 หรือ 10,000 ug/mL และสารมาตรฐาน multi-element มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ, สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และสารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย

Pharmaceutical Impurities & Primary Reference Standards

Pharmaceutical Impurities & Primary Reference Standards

สารมาตรฐานสำหรับใช้ทดสอบในอุตสาหกรรมยา มีรายการสินค้าให้เลือกกว่า 5,500 รายการ โดยมีรายการหลากหลายที่ครอบคลุมสำหรับระบบต่างๆของร่างกาย ดังต่อไปนี้

  • Nervous System (ระบบประสาท)
  • Cardiovascular System (ระบบหัวใจและหลอดเลือด)
  • Respiratory System (ระบบทางเดินหายใจ)
  • Musculo-skeletal System (ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก)
  • Alimentary Tract And Metabolism (สำหรับระบบทางเดินอาหารและเผาผลาญอาหาร)
  • Genito-urinary System And Sex Hormones (สำหรับระบบทางเดินปัสสาวะและฮอรโมนเพศ)
  • Anti-virus Drugs (ยาต้านไวรัส)
  • Anti-infective Drugs (ยาต้านการติดเชื้อ)
  • Antineoplastic And Immunomodulating Agents (สารต้านมะเร็งและสารปรับระบบภูมิคุ้มกัน)
  • Anti-parasitic Drugs (ยาต้านสารเสพติด)
  • Blood And Blood Forming Organs (เลือดและอวัยวะที่ผลิตเลือด)
  • Dermatologicals (โรคผิวหนัง)
  • Systemic Hormonal Preparations, Excluding Sex Hormones And Insulins (ระบบฮอร์โมน ยกเว้นฮอร์โมนเพศและอินซูลิน)
  • Sensory Organs (อวัยวะประสาทสัมผัส)
  • อื่นๆ

Industry Reference Standards

Industry Reference Standards

สารมาตรฐานสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป

โดยมีกลุ่มสินค้าตัวอย่างที่จัดจำหน่ายดังต่อไปนี้

  • Flame Retardant : สารเคมีที่เติมลงไปเพื่อช่วยหน่วงการติดไฟของผลิตภัณฑ์ โดยสารเคมีนี้จะสลายตัวให้แก๊ส หรือสารที่ไม่ติดไฟเมื่อได้รับความร้อน ตัวอย่างสารหน่วงการติดไฟ เช่น แอนติโมนีออกไซด์ อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ เป็นต้น
  • Phenols : สารประกอบอะโรมาติคที่ผลิตได้จากสารประกอบอะโรมาติคชนิดอื่นๆ เช่น เบนซีน โทลูอีน เป็นสารที่ถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีหลายชนิด อาทิ สีย้อม สารเคมีกำจัดวัชพืช และศัตรูพืช ยาในทางการแพทย์ เป็นต้น
  • Benzene : สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ไฮโดรคาร์บอนในกลุ่มอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์สำหรับเป็นตัวทำละลายในการผลิตทางอุตสาหกรรมต่างๆอาทิ อุตสาหกรรมผงซักฟอก พลาสติก ยาฆ่าแมลง สีย้อมผ้า สี และหมึกพิมพ์ เป็นต้น จัดเป็นสารวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ตาม พรบ. วัตถุอันตรายพ.ศ. 2535
  • PAHs : กลุ่มสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์หรือการสลายทางเคมีของสารอินทรีย์โดยความร้อน เชื้อเพลิง จากถ่านหิน ไม้และสารอินทรีย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้เกิด aromatic compounds ได้ทั้งสิ้น
  • Dyestuff : สีย้อม คือสีชนิดหนึ่งที่ใช้ในการย้อมเส้นใยของผ้า อาจจะเป็นสารอินทรีย์หรือสารอนินทรีย์ก็ได้ มีทั้งแบบ 1. natural dyrstuffs คือ สีย้อมที่มาจากแหล่งธรรมชาติ โดยเฉพาะพืชและสัตว์ 2. Synthetic dyestuffs คือสีย้อมที่เกิดจากกระบวนการทางเคมี
  • Plasticizer : เป็นสารที่ใส่ในโพลิเมอร์ (polymer) หรือผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อลดจุดหลอมที่ทำให้เกิดการไหล (flexing temperature) ของพลาสติกทำให้เม็ดพลาสติกมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มขึ้น  สะดวกต่อการดึง รีด ฉาบ หรือหล่อแบบ
  • NItrosamines : ไนโตรซามีนเป็นสารก่อมะเร็งที่พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม เกิดได้จากแหล่งที่มาต่างๆ ทั้งในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ในอาหาร เครื่องดื่มและยารักษาโรค

Total Organic Carbon / Total Inorganic Carbon Standards

สารมาตรฐานอินทรีย์คาร์บอนรวม

เป็นการวัดปริมาณอินทรีย์คาร์บอนทั้งหมดในตัวอย่างที่สามารถ ถูก Oxidize ไปเป็น CO2 ได้ (บางครั้งอาจเรียกว่า “Total Oxidizable Carbon”) โดยสามารถวิเคราะห์ได้ทั้งตัวอย่างที่เป็นของเหลว และของแข็ง

ในปัจจุบันการวิเคราะห์ค่า TOC ถูกใช้เป็น non specific parameter ในการบ่งบอกถึงคุณภาพน้ำ ควบคู่กับการวิเคราะห์ ค่า BOD และ COD เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ที่มีความถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว และไม่ต้องใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ การวิเคราะห์ค่า TOC ยังถูกนำไปใช้ในการ ควบคุมคุณภาพน้ำ ในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำดื่ม ยา และชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ ควบคุมคุณภาพน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมก่อนปล่อยสู่แหล่ง น้ำธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งใช้ในการวัดปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน เพื่อประโยชน์ทางการเกษตร โดยทั่วไปแล้ว สารอินทรีย์ปนเปื้อนไม่มีประจุ จึงไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยการวัด ค่าการนำไฟฟ้ามาตรฐาน ดังนั้น การวัดค่าการนำไฟฟ้า ในระบบน้ำบริสุทธิ์สูง อาจไม่สามารถตรวจพบ TOC ระดับสูงได้

TOC ถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ในกระบวนการทำน้ำให้บริสุทธิ์หลายกระบวนการด้วยกัน โดยใช้ในอุตสาหกรรมและการใช้งานหลายรูปแบบได้แก่ 

  • Source waters (environmental testing) - Drinking water - Ground Water - Surface Water
  • Reversed Osmosis Water (RO-water)/Cooling water
  • Efficiency of water polishing plant (Control)
  • High Purity Water or Purified Water (PW)
  • Pharmaceutical Grade Water, WFI (Water For Injection)
  • Clean In Place (CIP)
Premium Range

               เป็นสารมาตรฐานของสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ที่พื้นฐานมีคาร์บอน ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในระบบน้ำ 

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลัก USP <643> และ <1051> และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ สินค้ามีความเฉพาะตัวและความบริสุทธิ์สูง นอกจากนี้ยังถูกผลิตขึ้นจากน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงมากและมีกระบวนการผลิตที่พิเศษที่ Reagecon เป็นเจ้าของ

Quality Range

               เป็นสารมาตรฐานของสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ที่พื้นฐานมีคาร์บอน ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในระบบน้ำ 

               สินค้าของ Reagecon สามารถกลับได้และได้รับการรับรองคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ของสินค้าเป็นขวดแบบสองหัวคู่ที่สามารถป้องกันการปนเปื้อน การระเหย และอื่นๆ ขวดแบบสองหัวคู่มาพร้อมกับเครื่องมือวัดปริมาณในการเทที่พิเศษ 

Instrument Specific Range

               เป็นสารมาตรฐานของสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ที่พื้นฐานมีคาร์บอน ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในระบบน้ำ 

               สารมาตรฐานในหมวดนี้ถูกผลิตขึ้นเพื่อการใช้งานกับเครื่องมือแต่ละยี่ห้อโดยเฉพาะ อาทิเช่น Analtik Jena, Anatel, Shimazdu, Teledyne Tekmar และอื่นๆ

Electrochemistry Standards

สารมาตรฐานทางไฟฟ้าเคมี

Conductivity Standards

               เป็นสารมาตรฐานของค่าการนำไฟฟ้า ซึ่งมีหน่วยวัดเป็น ไมโครซีเมนส์ต่อเซนติเมตร µs/cm

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าโดยยึดหลัก IEC/ISO 17025 และสามารถสอบกลับได้ National Institute for Standards and Technology (NIST) ซึ่งมีสารมาตรฐานของค่าการนำไฟฟ้าให้เลือกถึง 43 ค่า (1.3-500,000 µs/cm) นอกจากนี้ยังมีค่าการนำไฟฟ้าที่น้อยที่สุดและมีค่าเสถียรที่สุด และมีการทดสอบความเสถียรของค่าการนำไฟฟ้า (Stability test) เมตริกซ์เป็นน้ำทั้งหมด ทำให้ง่ายต่อการใช้งานและหลังใช้งาน

 

pH Buffer Solutions

               เป็นสารละลายมาตรฐานบัฟเฟอร์ที่มีค่าpHต่างๆ

               สินค้าของ Reagecon สามารถสอบกลับโดยไปยัง IUPAC pH scale นอกจากนี้ยังสอบกลับไปได้ NIST และการวิเคราะห์ค่า pH ของ Reagecon ยึดหลักตาม ISO/IEC 17025 ซึ่งมีสารละลายมาตรฐานบัฟเฟอร์ค่า pH ตั้งแต่ 1.00-13.00 ที่อุณหภูมิสอบเทียบที่ 20 และ 25 องศาเซลเซียส และมีการทดสอบความเสถียรของค่า pH (pH stability) ที่ทุกค่า pH

Electrode Care & Maintenance Solutions

               เป็นสารละลายสำหรับการดูแลรักษาอิเล็กโทรดของเครื่อง pH meter

               Reagecon มีจำหน่ายอิเล็กโทรไลต์สำหรับแช่อิเล็กโทรด (โปแทสเซียมคลอไรด์ หรือ KCl), สารละลายล้างทำความสะอาดอิเล็กโทรด, สารละลายสำหรับเก็บอิเล็กโทรด และชุดอุปกรณ์ดูแลรักษาอิเล็กโทรด

Redox Solutions

               เป็นสารละลายมาตรฐานรีดอกซ์

               สินค้าของ Reagecon มีช่วงของค่ารีดอกซ์ที่กว้างและมีการบรรจุสินค้าพร้อมสำหรับวางขายในร้านค้า ค่ารีดอกซ์มีความจำเพาะเจาะจงที่สูง (±5mV) และสินค้าทั้งหมดได้รับการรับรองความถูกต้องและความไม่แน่นอนของการวัดค่ารีดอกซ์

Turbidity Solutions

               เป็นสารมาตรฐานที่มีค่าความขุ่นต่างๆ

               สินค้าของ Reagecon ไม่มีความเป็นพิษและไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง มีค่าความขุ่นที่แม่นยำเที่ยงตรง ซึ่งสามารถสอบกลับได้ NIST และได้รับการรับรองจาก US EPA  

Chemical Oxygen Demand

               เป็นสารมาตรฐานสำหรับวัดปริมาณออกซิเจนทั้งหมดที่ต้องการใช้เพื่อออกซิเดชันสารอินทรีย์ในน้ำให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ซึ่ง Chemical Oxygen Dmand (COD) มีความสำคัญในการวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้ง การคุมระบบบำบัดน้ำเสีย การตรวจสอบคุณภาพของน้ำในแหล่งน้ำ

               สินค้าของ Reagecon ประกอบไปด้วยสารสาตรฐานซีโอดีที่มีความเข้มข้นที่ครอบคลุม นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสารเคมีสำหรับสองวิธีวัดค่าซีโอดีที่ได้รับการยอมรับ เมื่อความเข้มข้นน้อยกว่า 400 mg/L และมีสารมาตรฐานซีโอดีแบบขวดขนาดเล็กสำหรับการใช้งานกับ Aqualytic PC Spectro, PC Compact Vario และ Hach® spectrophotometers ทั้งหมด

Ion Selective Electrode Solutions & Ionic Strength Adjustors

               เป็นสารมาตรฐานที่มีความเฉพาะเจาะจงในการตรวจจับไอออนแต่ละชนิด นิยมใช้ในการสอบเทียบมาตรฐาน ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ

               สินค้าของ Reagecon มีช่วงของสารมาตรฐานที่กว้างและครอบคลุม มีความถูกต้องแม่นยำ สามารถสอบกลับได้ และมีค่าความไม่แน่นอนของการวัดค่าที่น้อยที่สุด

Standards for Anion & Cation Analysis

สารมาตรฐานการวิเคราะห์แอนไอออนและแคตไอออน

ICP-MS / ICP-OES Standards

               เป็นสารมาตรฐานสำหรับเครื่อง ICP-MS, ICP-OES 

               สินค้าของ Reagecon ผลิตขึ้นจากวัตถุดิบที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด และยึดหลัก ISO/IEC 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลอง อุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 สำหรับการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสารมาตรฐานสำหรับเครื่อง ICP-MS, ICP-OES และการวัดค่าความหนาแน่นด้วยวิธี Oscillating U-Tube ตามวิธี ASTM D4052

Ion Chromatography Standards

               เป็นสารมาตรฐานสำหรับวิเคราะห์ไอออนชนิดต่างๆ ได้แก่ ไอออนบวกและไอออนลบ

               สินค้าของ Reagecon ถูกผลิตในห้องที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมที่สะอาด มีการใช้สารตั้งต้นที่มีความบริสุทธิ์สูง, การใช้น้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงโดยเฉพาะสำหรับสารมาตรฐาน Mass Spectroscopy, การใช้เมทริกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง และขวดมีการทำความสะอาดก่อนนำมาใช้งาน และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์สามารถสอบกลับ NIST ได้โดยตรง

นอกจากนี้ Reagecon มีทางเลือกให้มากกว่าผู้ผลิตรายอื่น ซึ่งสินค้าทั้งหมดมีคุณภาพที่สูงที่สุดและราคาที่สามารถซื้อได้

  • สารมาตรฐานมีให้เลือกใช้งานอย่างน้อย 18 ไอออนลบ และ 18 ไอออนบวก 
  • สารมาตรฐานที่มีไอออนหลากหลายชนิดผสมกัน
  • มีหลากหลายความเข้มข้น และขนาดบรรจุให้เลือกใช้งาน
  • การสั่งผลิตสารมาตรฐานตามความต้องการ
Atomic Absorption Standards

               เป็นสารละลายมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะที่อยู่ในรูปสารละลายไอออนด้วย ซึ่งการวิเคราะห์สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ Flame Atomic Absorption Spectrometry(FAAS) และ Graphite Furnace Atomic Absorption Spectrometry(GFAAS)

               Reagecon ทำการผลิตสารละลายมาตรฐาน AA ที่มีช่วงครอบคลุมการใช้งาน ซึ่งประกอบไปด้วยสารมาตรฐานสำหรับการวัดโลหะอัลคาไลน์และโลหะทรานซิชันต่างๆให้เลือกใช้งาน 

Flame Photometry Standards

               เป็นสารละลายมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะในหลายเมทริกซ์ โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะตัวของโลหะแต่ละชนิดในการวิเคราะห์หาปริมาณของโลหะ 

               คุณสมบัติและการนำไปใช้งานของสินค้าของ Reagecon

  • มีแบบโลหะชนิดเดียวและแบบผสมหลายชนิด
  • ช่วงของค่าและชนิดของโลหะมีให้เลือกใช้งานได้อย่างครอบคลุมและกว้างขวาง
  • สินค้าได้รับการรับรองการวิเคราะห์ว่ามีค่าที่ถูกต้องแม่นยำ
  • สินค้าไม่เป็นอันตรายและไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ
  • สินค้าทั้งหมดถูกผลิตและทดสอบในสภาพแวดล้อมของ GLP (Good Laboratory Practice)
  • นำไปใช้งานในการปรับค่าให้เป็นมาตรฐานกับเครื่องมือในการเตรียมการทดสอบ 

Titration

สารมาตรฐานสำหรับการไทเทรต

Analytical Volumetric Solutions & Indicator Solutions

               เป็นสารละลายมาตรฐานที่มีความเข้มข้นต่างๆ และสารละลายอินดิเคเตอร์ชนิดต่างๆ  สำหรับใช้ในงานวิเคราะห์เกี่ยวกับความเข้มข้นของสารตัวอย่าง

               สินค้า Reagecon มีให้เลือกทั้งแบบพร้อมใช้งานซึ่งมีความเข้มข้นให้เลือกมากกว่า 300 ค่า (Analytical Volumetric Solution) และแบบความเข้มข้นสูง (Concentrated Volumetric Solution) นอกเหนือจาก NIST แล้วยังได้การรับรองจาก ISO 17025 

Total Acid Number / Total Base Number Standards & Reagents

               เป็นสารละลายมาตรฐานที่มีค่าความเข้มข้นของกรดหรือเบสต่างๆ สำหรับใช้ในงานไทเทรตโดนการวัดค่าศักย์ไฟฟ้าหรือสำหรับงานวิเคราะห์กรดหรือเบสที่อยู่ในปิโตรเลียม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันไบโอดีเซลหรือน้ำมันไบโอดีเซลผสม

               สินค้าของ Reagecon มีให้เลือกทั้งตัวทำละลาย(Solvent), ไทแทรนด์(Titrant), สารมาตรฐาน(Standard), บัฟเฟอร์(Buffers) และอิเล็กโทรไลต์(Electrolytes) ซึ่งถูกผลิตขึ้นเพื่อทดสอบของ Total Acid Number(TAN) และ Total Base Number(TBN) โดยการใช้วิธี ASTM D664 และ D2896 ตามลำดับ

Physiochemical Standards

สารมาตรฐานทางเคมีกายภาพ

Colour Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ถูกนำไปใช้ในเป็นตัวสอบเทียบหรือตัวควบคุมคุณภาพมาตรฐานของสี ตัวอย่างของสารมาตรฐานนี้ ได้แก่ ASTM Colour Standards, Saybolt Colour Standards, Platinum-Cobalt Standards, Gardner Colour Standards และ European Pharmacopeia Standards เป็นต้น นิยมนำมาใช้ในโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันพืช และอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าให้สอดคล้องตามหลักวิธีการ ASTM(D1500, D6045, D1209) APHA, ACS, EP และ USP และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ

Spectrophotometry Standards

               เป็นสารมาตรฐานสำหรับเทคนิคสเปกโตรโฟโตเมตรี ซึ่งสารมาตรฐานนี้สามารถนำมาใช้งานได้กับเครื่องUV-Vis Spectrophotometerทั้งหมด ลักษณะของสารมาตรฐานจะมาในรูปของคิวเวต(cuvette)พร้อมใช้งาน ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ได้แก่ Linearity Standards, Wavelength Standards, Stray Light Standards และBandwidth Standards

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าที่สามารถสอบกลับได้ National Institute of Standards and Technology (NIST) ซึ่งใช้สารตั้งต้นจาก NIST ในการผลิตสินค้า และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ 

Melting Point Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้สำหรับการสอบเทียบมาตรฐานจุดหลอมเหลว ซึ่งสารมาตรฐานนี้ใช้งานได้ง่ายและยังสามารถใช้ได้กับเครื่องวัดจุดหลอมเหลวทั้งหมด

               Reagecon ทำการผลิตสินค้าด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง จุดหลอมเหลวของสารมาตรฐานถูกระบุด้วยระบบ Differential Scanning Calorimeter (DSC) ที่ถูกปรับค่าตาม ITS-90 International Temperature Scale 

Density Standards - Premium Range

               เป็นสารที่มีค่าความหนาแน่นมาตรฐานที่สามารถใช้สอบเทียบมาตรฐานเพื่อใช้ในการวัดค่าความหนาแน่นด้วย pycnometric techniques, vibrational techniques หรือ hydrometer based techniques ซึ่งสารมาตรฐานนี้สามารถนำไปใช้กับเครื่องวัดค่าความหนาแน่นได้ทุกยี่ห้อและชนิด นอกจากนี้ Density Standards ระดับพรีเมียม ยังถูกทดสอบตามข้อกำหนดของ ASTM D1480 Guidelines 

Density Standards - Quality Range

               เป็นสารที่มีค่าความหนาแน่นมาตรฐานที่สามารถใช้สอบเทียบมาตรฐานเพื่อใช้ในการวัดค่าความหนาแน่นด้วย vibrational techniques หรือ hydrometer based techniques ซึ่งสารมาตรฐานนี้สามารถนำไปใช้กับเครื่องวัดค่าความหนาแน่นได้ทุกยี่ห้อและชนิด นอกจากนี้ Density Standards ระดับคุณภาพ ยังถูกทดสอบตามข้อกำหนดของ ISO17025 และผลิตขึ้นตามข้อกำหนดของ ASTM D4052 Guidelines

Viscosity Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบมาตรฐานความหนืด ซึ่งสารมาตรฐานนี้นิยมนำไปใช้ในโรงงานผลิตน้ำเชื่อม และในอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม

               กระบวนการผลิตและการรับรองคุณภาพมีความสอดคล้องตาม ASTM D2161 โดยใช้ Ubbelohde Master Viscometers และยึดหลัก IEC/ISO 17025 เพื่อการสอบเทียบมาตรฐานของห้องทดลองและอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบเทียบ สินค้าถูกผลิตขึ้นจากน้ำมันที่มีคุณภาพสูงและมีความเสถียร

ISO Guide 34 Certified Reference Materials: Sucrose in Water Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบมาตรฐานความหวาน ซึ่งสารมาตรฐานตัวนี้ได้รับการรับรองจาก ISO Guide 34 มีอายุการใช้งาน 12 อาทิตย์ และสามารถนำไปใช้ได้กับเครื่อง Refractometerทุกยี่ห้อ นิยมนำไปใช้ในโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม

Brix Standards (Stabilised)

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบมาตรฐานความหวาน ซึ่งสารมาตรฐานตัวนี้ได้รับการทดสอบตามข้อกำหนด ISO/IEC 17025 มีอายุการใช้งาน 1 ปี และสามารถนำไปใช้ได้กับเครื่อง Refractometerทุกยี่ห้อ นิยมนำไปใช้ในโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม

Refractive Index Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบมาตรฐานค่าดัชนีหักเหแสง ซึ่งสารมาตรฐานตัวนี้ได้รับการทดสอบตามข้อกำหนด ISO/IEC 17025 มีอายุการใช้งาน 1-2 ปี และสามารถนำไปใช้ได้กับเครื่อง Refractometerทุกยี่ห้อ นิยมนำไปใช้ในโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม

Osmolality Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบมาตรฐานค่าการแพร่โมเลกุลของเหลว(osmosis) ซึ่งสารมาตรฐานตัวนี้ได้รับการทดสอบตามข้อกำหนด ISO/IEC 17025 มีอายุการใช้งานที่นาน และสามารถนำไปใช้ได้กับเครื่อง Osmometerทุกยี่ห้อ นิยมนำไปใช้ในโรงพยาบาลการเพื่อตรวจปัสสาวะและนำผลการตรวจไปวินิจฉัยโรคเบาหวาน

Cryoscope Standards

               เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบมาตรฐานจุดเยือกแข็ง ซึ่งสารมาตรฐานตัวนี้สามารถสอบกลับNISTได้ มีอายุการใช้งานที่นาน นิยมนำไปใช้ในโรงงานผลิตนมประเภทต่างๆ

Standards & Solutions in Compliance to Pharmacopoeias 

สารมาตรฐานที่ผลิตขึ้นตามข้อกำหนดขององค์กรสากลระดับโลกด้านอุตสาหกรรมยา

United States Pharmacopoeias Solutions

เป็นสารละลายที่ถูกผลิตขึ้นตามข้อกำหนดของ USP (United States Pharmacopoeia) 

สารละลาย USP มีความเหมาะสมที่จะใช้เฉพาะในผู้ผลิตรายย่อย จึงมีการเพิ่มสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อหลายอย่าง ประกอบไปด้วย

  • การลดลงของระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการสั่งผลิตสารละลายทดสอบ
  • การไม่เปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ (เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร, การสอบกลับได้, การรับรองการวิเคราะห์) 
  • การผลิตสินค้าตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับทางยา 
  • มีการควบคุมกระบวนการผลิตและการรับรองการผลิตแบบทีละชุด (Batch certificate) เพื่อรับรองสินค้าแบบล็อตต่อล็อต และความแม่นยำในการผลิตซ้ำ
European Pharmacopoeias Solutions

เป็นสารละลายที่ถูกผลิตและทดสอบตาม Ph.Eur. (European Pharmacopeia) ซึ่งมีหนังสือรับรองคุณภาพ(Certificates of Analysis),เลขที่ล็อตการผลิต และวันหมดอายุอยู่บนฉลากสินค้า

Buffered Eluents

เป็นสารละลายบัฟเฟอร์สำหรับงานวิเคราะห์สารในรูปของไอออน (Liquid Chromatography) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุม pH ของเฟสเคลื่อนที่(Mobile Phase) เมื่อทำการวิเคราะห์สารประกอบไอออนโดยใช้เครื่อง HPLC ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ที่เป็นที่ยอมรับอย่างดี 

คุณสมบัติและคุณประโยชน์

  • ผลิตตามข้อกำหนด USP
  • รับรองความคงที่ของผลิตภัณฑ์
  • ลดเวลาในการเตรียมตัวอย่าง
  • มีพื้นที่ใช้สอยในห้องทดลองมากยิ่งขึ้น

การใช้ระบบบัฟเฟอร์คุณภาพสูงของ Reagecon จะลดการเปลี่ยน pH ของเฟสเคลื่อนที่ นำไปสู่ค่า selectivity, retention factor, peak shape, resolution และความสามารถในการให้ผลซ้ำได้ที่ดีขึ้นอย่างมาก

Reagecon ทำการเลือกระบบของบัฟเฟอร์ที่ได้รับการแนะนำมากที่สุด 19 แบบจากวรรณกรรมทางวิทยาศาตร์ (scientific literature) และเอกสารที่ถูกตีพิมพ์ของ USP กว่า 2,400 ฉบับ 

Dissolution Media - Concentrates

เป็นสารละลายความเข้มข้นสูงสำหรับการเตรียมสารละลายปริมาตรต่างๆ

คุณสมบัติและคุณประโยชน์

  • ผลิตสินค้าตามข้อกำหนดของ pharmacopoeia
  • วัตถุดิบและกระบวนการผลิตสอดคล้องตาม pharmacopoeia
  • ผลิตภัณฑ์มีความคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง รับประกันความถูกต้องแม่นยำและความเสถียร
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมีการติดฉลากสินค้าที่สมบูรณ์
  • มีอายุการใช้งาน 2 ปี
  • ลดเวลาการเตรียมสาร
  • ประหยัดพื้นที่ในห้องทดลอง
Dissolution Media - Ready to use

เป็นสารละลายความเข้มข้นต่างๆแบบพร้อมใช้งาน

คุณสมบัติและคุณประโยชน์

  • ผลิตสินค้าตามข้อกำหนดของ pharmacopoeia
  • วัตถุดิบและกระบวนการผลิตสอดคล้องตาม pharmacopoeia
  • ผลิตภัณฑ์มีความคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง รับประกันความถูกต้องแม่นยำและความเสถียร
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมีการติดฉลากสินค้าที่สมบูรณ์
  • มีอายุการใช้งาน 2 ปี
  • ลดเวลาการเตรียมสาร
  • ประหยัดพื้นที่ในห้องทดลอง

Industry Specific Standards & Reagents

สารมาตรฐานและรีเอเจนท์เฉพาะอุตสาหกรรม

Dairy Standards & Reagents

เป็นสารมาตรฐานสำหรับวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์จากนม

Reagecon ทำการผลิตสารมาตรฐานทางกายภาพและทางเคมีที่สามารถใช้ในการทดสอบผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงสารเคมีที่มีความจำเพาะหรือความพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากนม มีสารเคมีสำหรับการวัดค่าpH ค่าการนำไฟฟ้า(conductivity) ค่าดัชนีหักเหแสง(refractive index) ค่าความหนาแน่น และมีโลหะและไออนประจุบวกรวมอยู่ด้วย

Standards & Reagents for APHA, AWWA & WEF Test Methods

เป็นสารมาตรฐานและสารเคมีสำหรับวิธีทดสอบของสมาคมสาธารณสุขอเมริกา

Wine Standards & Reagents
Soil Testing Standards & Reagents
Pulp & Paper Standards & Reagents

General Laboratory Standards & Reagents

สารมาตรฐานและรีเอเจ้นท์ สำหรับวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทั่วไป

Laboratory Water
Cleaning Solutions
Analyst Qualification Sets

Agriculture

อุตสาหกรรมการเกษตร หมายถึง อุตสาหกรรมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรไปเป็นเครื่องอุปโภคและบริโภค ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น โซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเกษตรมีลักษณะเฉพาะเนื่องจากเกิดจากการแปรรูปวัตถุดิบที่เป็นผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งมีลักษณะเด่นแตกต่างจากวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่นๆ

ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Animal Feeds

อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ (Animal Feeds) อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นอุตสาหกรรมการผลิตหนึ่งของประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะนอกจากจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ แล้วยังเป็นแหล่งรองรับและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรกรรมอีกด้วย

Reagecon Reagents and Standards : 

  • AOAC Official Method 985.01 Metals and Other Elements in Plants and Pet Foods
  • AOAC Official Method 969.06 Selenium in Plants and Pet Foods
  • AOAC Official Method 986.15 Arsenic, Cadmium, Lead, Selenium, and Zinc in Human and Pet Foods
  • AOAC Official Method 974.15 Selenium in Human and Pet Food
  • AOAC Official Method 942.05 Ash of Animal Feed
  • Reagecons Atomic Absorption Standards as referenced in AOAC Official Method 968.08 Minerals in Animal Feed and Pet food
Fertilizers

อุตสาหกรรมปุ๋ย (Fertilizers) ปุ๋ย คือสารอินทรีย์หรือสารอนินทรีย์ ไม่ว่าจะเกิดขึ้น โดยธรรมชาติหรือสังเคราะห์ขึ้นก็ตาม ปุ๋ยหรือ FERTILIZER มีหน้าที่เพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน เพื่อที่จะให้พืชเจริญเติบโตโดยเฉพาะธาตุไนโตรเจนฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ปุ๋ยแบ่งออกเป็น 3  ประเภท  คือ  ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์  ปุ๋ยชีวภาพ

Reagecon Reagents and Standards : 

  • AOAC Official Method 955.01 Neutralising Value for Liming Materials
  • AOAC Official Method 948.01 Sulfide Sulfur in Calcium Silicate Slags
  • AOAC Official Method 962.01 Calcium and Magnesium in Liming Materials
  • AOAC Official Method 965.03 Iron in Liming Materials
  • AOAC Official Method 955.04 Nitrogen (Total) in Fertilisers
  • AOAC Official Method 971.01 Potassium in Fertilisers
  • AOAC Official Method 982.01 Boron (Acid- and Water-Soluble) in Fertilisers
  • AOAC Official Method 983.03 Iron (Chelated) in Iron Chelate Concentrates
  • AOAC Official Method 994.17 pH Measurement of Saline-Sodic Soils

Food

อุตสาหกรรมอาหาร (food industry) หมายถึง อุตสาหกรรมที่นำผลิตผลจากภาคเกษตร ได้แก่ผลิตผลจากพืช ปศุสัตว์ และ ประมง มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหาร โดยอาศัยเทคโนโลยีการแปรรูปและการถนอม ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการแปรรูปอาหาร (food processing equipment)บรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์อาหารให้ได้ปริมาณมากๆ มีคุณภาพสม่ำเสมอ ปลอดภัย และสะดวกต่อการบริโภค หรือการนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป และเป็นการยืดอายุการเก็บรักษาผลิตผลจาก พืช ปศุสัตว์ และประมง
ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Cereals

ธัญพืช​ (Cereals) เป็นเมล็ดที่ได้จากพืชวงศ์ Gramineae และ Poaceae เมล็ดธัญพืชนำไปเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด เช่น ข้าว ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี (wheat berries) ข้าวฟ่าง (millet, sorghum) ข้าวโพด

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 944.02 Iron in Flour
  • AOAC Official Method 991.43 Total, Soluble, and Insoluble Dietary Fiber in Foods
  • AOAC Official Method 992.16 Total Dietary Fiber
  • AOAC Official Method 939.03 Sugars (Reducing and Nonreducing) in Flour
  • AOAC Official Method 2002.01 Measurement of α-Amylase Activity in White Wheat Flour, Milled Malt, and Microbial Enzyme Preparations
  • AOAC Official Method 2006.08 Methylcellulose and Hydroxypropyl Methylcellulose Food Gums in Food and Food Products
  • AOAC Official Method 992.28 (1 →3)(1 → 4)-Beta-D-Glucans in Oat and Barley Fractions and Ready-to-Eat Cereals
Coffee&Tea

กาแฟและชา (Coffee & Tea) กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดซึ่งได้จากต้นกาแฟ ส่วนชา เป็นเครื่องดื่มได้จากต้นชาหรือยอดใบชา ซึ่งทั้งกาแฟ และชา ล้วนแต่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ด้วยปริมาณต่างๆ

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 995.13 Carbohydrates in Soluble (Instant) Coffee
  • Reagecon's Spectrophotometry Standards - Linearity Standards @ 235, 257, 313 & 350nm
  • Wavelength Standards (certified at 0.1nm, 0.2nm, 0.5nm, 1.0nm & 2.0nm slit widths)
  • Stray Light Standards
  • Bandwidth Standard
  • Colour Coded pH Buffers
  • Electrode Filling Solutions
Dairy

ผลิตภัณฑ์นม (dairy product) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ได้จากน้ำนมของสัตว์ เช่น โค แกะ แพะ ควาย และเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม น้ำนมพาสเจอไรซ์  น้ำนมสเตอริไลซ์ ครีม เนย เป็นต้น

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 932.05 Citric Acid in Milk
  • AOAC Official Method 937.05 Lactic Acid in Milk and Milk Products
  • AOAC Official Method 991.20 Nitrogen (Total) in Milk
  • AOAC Official Method 925.24 Albumin in Milk
  • AOAC Official Method 922.08 Hypochlorites and Chloramines in Milk
  • AOAC Official Method 2010.01 Bovine Immunoglobulin G Analysis in Bovine Colostrum and Milk Powders, and Dietary Supplements of Bovine Origin
Flavours&Fragrances

วัตถุปรุงแต่งกลิ่นรส (Flavours & Fragrances) วัตถุปรุงแต่งกลิ่นรส (flavoring agent) เป็นวัตถุเจือปนอาหาร (food additive) ที่ช่วยปรับปรุงกลิ่นรสของอาหารให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ชนิดดังนี้คือ 1.วัตถุปรุงแต่งกลิ่นรสตามธรรมชาติ 2.วัตถุปรุงแต่งกลิ่นรสเลียนแบบธรรมชาติ 3.วัตถุปรุงแต่งกลิ่นสังเคราะห์

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 947.09 Propylene Glycol in Vanilla Extract
  • AOAC Official Method 968.15 Lead Number (Wichmann) of Vanilla Extract
  • AOAC Official Method 955.32 Total Aldehydes in Lemon Oil
  • AOAC Official Method 964.11 Flavouring Additives in Vanilla Extract
Ingredients

ส่วนผสมหรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหาร (Ingredient) หมายถึง ส่วนผสมที่ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อประกอบเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 975.11 Alkalinity of Insoluble and SolubleAsh of Cacao Products
  • AOAC Official Method 938.18 Glucose in Cacao Products
  • AOAC Official Method 959.06 Alginates in Chocolate Products
  • AOAC Official Method 941.09 Cholesterol in Eggs
  • AOAC Official Method 940.30 Starch in Prepared Mustard
  • AOAC Official Method 999.11 Lead, Cadmium, Copper, Iron, and Zinc in Foods
Meat & Fish

เนื้อสัตว์และเนื้อปลา (Meat & Fish) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อปลา เป็นส่วนผสมหลักและผลิตโดย การเติมอาหารหรือวัตถุเจือปนอาหาร (food additives) ลงไปในส่วนผสมหลัก

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 971.14 Trimethylamine Nitrogen in Seafood
  • AOAC Official Method 937.09 Salt (Chlorine as Sodium Chloride) in Seafood
  • AOAC Official Method 996.07 Putrescine in Canned Tuna and Cadaverine in Canned Tuna and Mahimahi
  • AOAC Official Method 962.15 Identification of Fish Species
  • AOAC Official Method 935.48 Nitrates and Nitrites in Meat
  • AOAC Official Method 990.26 Hydroxyproline in Meat and Meat Products
Oils & Fats

น้ำมันและไขมันบริโภค (Edible oil and fat) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำมันหรือไขมันดิบที่ได้จากพืชหรือสัตว์ที่มีน้ำมันหรือไขมัน (รวมทั้งผงเมล็ดถั่ว) และรวมทั้งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพดและน้ำมันและไขมันที่บริโภคได้อย่างอื่น

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 965.32 Hydroxyl Value of Oils and Fats
  • AOAC Official Method 956.04 Butyric Acid (Mole Per Cent) in Fat
  • AOAC Official Method 979.19 cis, cis-Methylene Interrupted Polyunsaturated Fatty Acids in Oils
  • AOAC Official Method 990.27 Butyric Acid in Fats Containing Butterfat
  • AOAC Official Method 966.18 1-Monoglycerides in MonoglycerideConcentrates
  • AOAC Official Method 990.05 Copper, Iron, and Nickel in Edible Oils and Fats
Sugars

น้ำตาล (Sugars)  เป็นชื่อเรียกทั่วไปของคาร์โบไฮเดรตชนิดละลายน้ำ โซ่สั้น และมีรสหวาน ส่วนใหญ่ใช้ประกอบอาหาร น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน มีน้ำตาลหลายชนิดเกิดมาจากที่มาหลายแหล่ง

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 906.03 Invert Sugar in Sugars and Syrups 
  • AOAC Official Method 979.21 Separation of Sugars in Honey
  • AOAC Official Method 968.29 Yeast Count for Maple Syrup
  • Reagecon's Brix Standards - ISO Guide 34 Sucrose in Water standards
  • Reagecon's Refractive Index Standards
  • Reagecon's Conductivity Standards
Vegetables

ผัก (Vegetables)  คือ พืชที่มนุษย์นำส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชอาทิ ผล ใบ ราก ดอก หรือลำต้น มาประกอบอาหาร ซึ่งไม่นับรวมผลไม้ถั่ว สมุนไพร และเครื่องเทศ แต่เห็ด ซึ่งในทางชีววิทยาจัดเป็นพวกเห็ดรา ก็นับรวมเป็นผักด้วย 

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 974.24 Oxalic Acid in Canned Vegetables
  • AOAC Official Method 956.06 Aldehydes as Acetaldehyde in Frozen Vegetables
  • AOAC Official Method 947.11 Catalase in Frozen Vegetables
  • AOAC Official Method 963.27 Peroxidase in Frozen Vegetables

Beverages

อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เป็นผลิตภัณฑ์อาหารประเภทหนึ่งที่เป็นของเหลว ช่วยลดความกระหาย ให้ความรู้สึกสดชื่น และขจัดความอ่อนเพลียชดเชยปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป ตลอดจนมีคุณค่าทางโภชนาการต่างๆ ที่มีประโยชน์ มีส่วนประกอบหลัก คือ น้ำ สารให้รสหวาน กรดอินทรีย์  สี  และสารให้กลิ่นรส 
ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Beer

อุตสาหกรรมเบียร์ (Beer) เป็นเครื่องดื่มในรูปแบบที่ผ่านกระบวนการหมักผลิตภัณฑ์พวกธัญพืช องค์ประกอบหลักในการหมักเบียร์คือ น้ำ ข้าวมอลต์(โดยปกติใช้เมล็ดข้าวบาร์เลย์) ฮอปส์และยีสต์ และยังมีส่วนผสมอื่นๆประกอบ 

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 978.11 Diacetyl in Beer 
  • AOAC Official Method 976.09 Calcium in Beer
  • AOAC Official Method 963.11 Sulfur Dioxide in Beer
  • AOAC Official Method 935.30 Extract of Malt
  • AOAC Official Method 935.31 Diastatic Power of Malt
  • AOAC Official Method 970.15 Alcohol (by Weight) in beer.Refractometer Method. ISO Guide 34 Sucrose in Water standards
  • AOAC Official Method 920.50 Specific Gravity of Beer - Pyconometer Method Density Standards @ 25°C
  • AOAC Official Method 945.23 Protein in Brewing Sugars and Syrups. Kjeldahl Method
Nonalcoholic Beverages & Concentrates

อุตสาหกรรมเครื่องดื่มประเภทที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสม Nonalcoholic Beverages & Concentrates เครื่องดื่มประเภทนี้มีหลายชนิดได้แก่ น้ำเปล่า(Water) น้ำผลไม้สด (Fresh Fruit Juice) น้ำสมุนไพร (Herbal Juice) น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น ( Fruit Squash ) เป็นต้น

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 979.08 Benzoate, Caffeine, and Saccharin in Carbonated Beverages
  • AOAC Official Method 967.21 Ascorbic Acid in Vitamin Preparations and Juices
  • AOAC Official Method 967.22 Vitamin C (Total) in Vitamin Preparations
  • AOAC Official Method 950.29 Sucrose in Nonalcoholic Beverages
  • AOAC Official Method 950.31 Glucose (Commercial) in Nonalcoholic Beverages ISO Guide 34 Sucrose in Water standards
  • AOAC Official Method 950.28 Specific Gravity of Non Alcoholic Beverages Density Standards @15°C,20°C,25°C,40°C etc.

 

Spirits

สปิริต (Spirit) คือ สุราที่ได้จากการกลั่น ทั้งหมด ได้แก่ บรั่นดี (Brandy) เป็นเหล้าที่นิยมดื่มกันมาก เกิดจากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์ (Wine) แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี ส่วนวิสกี้ (Whisky,Whiskey) คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวหรือข้าวข้าวโพดหรือ Grain ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลายชนิดก็ได้โดยนำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น หรือ รัม (Rum) จัดเป็นประเภท Spirit เป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 950.05 Esters and Aldehydes in Distilled Liquors
  • AOAC Official Method958.04 Methanol in Distilled Liquors
  • Method A: Determination of Real Alcoholic Strength by Volume of Spirit Drinks - Measurement by Pycnometry
  • AOAC Official Method 963.09 Sodium in Distilled Liquors. Flame Photometric Method. Industrial Flame Photometry Standards
  • AOAC Official Method 950.04 Alcohol by Volume in Distilled Liquors. ISO Guide 34 Sucrose in Water standards
  • AOAC Official Method 945.06 Specific Gravity (Apparent) of Distilled Liquor. Pyconometer Method.
Wine

อุตสาหกรรมไวน์ (Wine) ไวน์ คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ที่ได้จากการหมักผลไม้ชนิดต่างๆ โดยส่วนมากใช้องุ่น มาหมักกับยีสต์ทำให้น้ำตาลของผลไม้เปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และจะระเหยเหลือแต่น้ำผลไท้ที่หมักและแอลกอฮอล์ผสมกันอยู่ซึ่งมีผสมอยู่เล็กน้อยเท่านั้นและยังมีแร่ธาตุต่างๆ  ไวน์ดีทำมาจากผลไม้จะมีการเรียกตามผลไม้ชนิดนั้นเช่น  ไวน์แอปเปิล  ไวน์มังคุด  ไวน์หม่อน  เป็นต้น  แม้แต่ผักบางชนิดก็สามารถที่จะหมกทำเป็นไวน์ได้  ซึ่งมีรสที่แตกต่างกันไป

Reagecon Reagents and Standards :

  • Density at 20°C and specific gravity at 20°C measured using the hydrostatic balance
  • Alkalinity of Ash
  • Glucose and Fructose (Resolution Oeno 377/2009) Method OIV-MA-AS311-02
  • Alcoholic strength by volume (Resolution Oeno 377/2009) Method OIV-MA-AS312-01B
  • Lactic acid Enzymatic method (Method OIV-MA-AS313-07)
  • Determination of shikimic acid in wine by HPLC and UV-detection (Resolution Oeno 33.2004) Method OIV-MA-AS313-17
  • Compendium of International Methods of Wine and Must Analysis Edition 2013 Volume 2 OIV - 18, Rue D'Aguesseau - 75008 Paris
  • Determination of the acquired alcoholic strength by volume (ASV) of concentrated musts (CM) and grape sugar (or rectified concentrated musts, RCM) (Oeno 419A-2011) Method OIV-MA-F1-03

Industrial Manufacturing

อุตสาหกรรมการผลิต

นอกจากแค็ตตาล็อกหลักแล้ว Reagecon ยังได้มีการพัฒนาแค็ตตาล็อกสินค้าโดยแยกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยนำเสนอกลุ่มสินค้า สารมาตรฐาน ตามการใช้งานเฉพาะของแต่ละประเภทอุตสาหกรรม เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาสารที่จำเป็นและเหมาะสมต่องานของผู้ใช้งานโดยตรง  ทำให้ประหยัดเวลาในการค้นหาสารมาตรฐานอันยุ่งยากได้เป็นอย่างดี
ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Pesticides Formulations

วัตถุอันตรายทางการเกษตร (pesticides) หมายถึง สารที่มีจุดมุ่งหมายใช้เพื่อป้องกัน ทำลาย ดึงดูด ขับไล่ หรือควบคุมศัตรูพืชและสัตว์ หรือพืชและสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระหว่างการเพาะปลูก การเก็บรักษา การขนส่ง การจำหน่าย หรือระหว่างกระบวนการผลิตสินค้า อาหาร หรืออาหารสัตว์ หรือเป็นสารที่อาจใช้กับสัตว์เพื่อควบคุมปรสิตภายนอก (ectoparasites)  เป็นอันตรายในอาหาร ประเภทอันตรายทางเคมี ที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ (food poisoing) ทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง

Reagecon Reagents and Standards :

  • AOAC Official Method 922.03 Arsenic (Total) in Pesticide Formulations
  • AOAC Official Method 929.04 Fluorine (Total) in Pesticide Formulations
  • AOAC Official Method 991.33 Maneb in Pesticide Formulations Containing Fentin Acetate or Fentin Hydroxide
  • AOAC Official Method 920.30 Sodium and Potassium Cyanide Pesticide Formulations
  • AOAC Official Method 2007.07 Hydrazine in Maleic Hydrazide Technical and Pesticide Formulations
  • AOAC Official Method 966.06 Hexachlorocyclopentadiene in Technical Chlordane
  • Toxaphene/Chlordane High & Low Concentration Standards

 

 

 

 

Environmental & Water

อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมและน้ำ


ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมและน้ำ พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

APHA AWWA WEF

APHA AWWA WEF Standard Methods

Reagents and Standards as per Standard Methods for the Examination of Water and
Wastewater 21st Edition 2005, APHA AWWA WEF

  • Reagent Water referenced in APHA, AWWA & WEF
  • Analytical Volumetric Solutions referenced in APHA, AWWA & WEF
  • Kjeldahl Reagents referenced in APHA, AWWA & WEF
  • TOC standards referenced in APHA, AWWA & WEF
  • Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater 21st Edition 2005, APHA AWWA WEF Part 2000 Physical and Aggregate Properties, 2120 Colour
  • Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater 21st Edition 2005, APHA AWWA WEF Part 3000, Metals Part 3500 Metals by Flame Photometry

 

Pesticide and Chemical Residues

Pesticide and Chemical Residues สารพิษตกค้าง หมายถึงวัตถุมีพิษทางการเกษตร  หรือกลุ่มอนุพันธ์ของสารเคมีดังกล่าว ได้แก่ สารในกระบวนการเปลี่ยนแปลง (conversion products) สารในกระบวนการสร้างและสลาย (metabolites) สารที่ เกิดจากปฏิกิริยา (reaction products) หรือสิ่งปลอมปนที่มีความเป็นพิษ ซึ่งปนเปื้อนหรือตกค้างในอาหาร เป็นอันตรายใน อาหาร  ประเภทอันตรายทางเคมี 

Reagecon Reagents and Standards :

  •  AOAC Official Method 990.06 Organochlorine Pesticides in Water
  • AOAC Official Method 991.07 Nitrogen- and Phosphorus-Containing Pesticides in Finished Drinking Water
  • AOAC Official Method 975.40 N-Methylcarbamate Insecticide Residues
  • AOAC Official Method 964.18 Carbaryl Pesticide Residues
  • AOAC Official Method 949.09 Monofluoroacetic Acid Pesticide Residues
  • AOAC Official Method 992.32 Chlorinated Acidic Pesticide Residues in Finished Drinking Water
Salts in Water

Salts in Water สารประกอบเกลือที่ละลายอยู่ในน้ำ

Reagecon Reagents and Standards for Salts in Water : 

  • AOAC Official Method 973.42 Acidity of Water
  • AOAC Official Method 973.43 Alkalinity of Water
  • AOAC Official Method 973.44 Biochemical Oxygen Demand (BOD) of Water
  • AOAC Official Method 973.45 Oxygen (Dissolved) in Water
  • AOAC Official Method 973.49 Nitrogen (Ammonia) in Water
  • AOAC Official Method 973.51 Chloride in Water
  • AOAC Official Method 993.23 Dissolved Hexavalent Chromium in Drinking Water,
    Ground Water, and Industrial Wastewater Effluents

Pulp & Paper

อุตสาหกรรมเนื้อไม้และกระดาษ

กระดาษเป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการจดบันทึก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อกันว่ามีการใช้กระดาษครั้งแรกๆ โดยชาวอียิปต์และชาวจีนโบราณ วิวัฒนาการของการผลิตกระดาษ และความต้องการใช้กระดาษในปัจจุบัน ทำให้เราใช้กระดาษเพิ่มมากขึ้น นอกจากทำกระดาษสมุดและหนังสือธรรมดาแล้ว เรายังทำกระดาษแข็ง ทำประตู ฝากั้นห้อง ท่อระบายน้ำ หรือแม้กระทั่งกางเกงชั้นในชนิดใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องซัก ในอนาคตเราอาจมีผลิตผลอื่น ๆ ที่ทำด้วยกระดาษเพิ่มขึ้นอีกมาก
ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมเนื้อไม้และกระดาษ พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Pulp & Paper

อุตสาหกรรมเนื้อไม้และกระดาษ (Pulp & Paper) กระดาษ เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการจดบันทึก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อกันว่ามีการใช้กระดาษครั้งแรกๆ โดยชาวอียิปต์และชาวจีนโบราณ แต่กระดาษในยุคแรกๆ ล้วนผลิตขึ้นเพื่อการจดบันทึกด้วยกันทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่าระบบการเขียนคือแรงผลักดันให้เกิดการผลิตกระดาษขึ้นในโลก ยาราไนก้า กระดาษไม่ได้มีประโยชน์ในการใช้จดบันทึกตัวหนังสือ หรือข้อความ เท่านั้น ยังใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้มากมาย เช่น กระดาษชำระ กระดาษห่อของขวัญ กระดาษลูกฟูกสำหรับทำกล่อง เป็นต้น

Reagecon Reagents and Standards :

  • T 203 cm-09 © 2009 TAPPI   Alpha-, beta-, and gamma-cellulose in pulp
  • T 211 om-12 © 2012 TAPPI   Ash in wood, pulp, paper and paperboard: combustion at 525°C
  • T 230 om-08 © 2008 TAPPI   Viscosity of pulp (capillary viscometer method)
  • T 244 cm-11 © 2011 TAPPI   Acid-insoluble as in wood, pulp, paper, and paperboard
  • T 249 cm-09 © 2009 TAPPI   Carbohydrate composition of extractive-free wood and wood pulp by gas-liquid
    chromatography
  • T 600 om-11 © 2011 TAPPI   Analysis of formaldehyde in aqueous solutions and of free formaldehyde in resins
  • T 699 om-09 © 2009 TAPPI   Analysis of pulping liquors by suppressed ion chromatography

Textile

อุตสาหกรรมสิ่งทอ

สิ่งทอส่วนใหญ่ที่อยู่ในรูปของเสื้อผ้า เรามักจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกหลายๆแง่มุมของสิ่งทอ รวมไปถึงวิทยาการและเทคโนโลยี ทางด้านสิ่งทอที่อาจจะถูกมองข้ามไปหรือถูกจำกัดให้อยู่ในวงแคบเฉพาะในกลุ่มของนักวิชาการ หากผู้ใช้มีความสนใจและเข้าใจ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสิ่งทอ เช่น ชนิดของเส้นใย สมบัติของเส้นใย การขึ้นรูปเป็นเส้นด้าย การขึ้นรูปเป็นผืนผ้า ก็จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกวัสดุสิ่งทอที่มีในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและการนำไปใช้ รวมไปถึงการดูแลรักษาด้วย
ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Textiles

อุตสาหกรรมสิ่งทอ (Textile) กล่าวโดยทั่วไปว่า สิ่งทอเทคนิค หมายถึง สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เสื้อผ้าที่สวมใส่ประจำ หรือใช้ในการประดับตกแต่งบ้าน แต่เป็นวัสดุต่างๆ ที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางอุตสาหกรรมมากกว่าเพื่อความสวยงาม แต่ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน นอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆที่ใช้และหมายความถึงสิ่งทอเทคนิคด้วย เช่น Performance textiles, functional textiles, engineered textiles และ high-tech textiles

Reagecon Reagents and Standards :

  • Fiber and yarn identification
  • Chemical analysis of feather and down textile materials
  • Chemical analysis of leather
  • Analysis of common chemicals used in textile wet processes
  • Chemical analysis of textile coatings and membranes
  • Chemical analysis of damage to textiles

Pharmaceutical

อุตสาหกรรมยา 

เป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ จึงนับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ทั้งด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการบริโภค
ท่านสามารถดูรายละเอียดสารเคมีในกลุ่มอุตสาหกรรมยา พร้อม Download แค็ตตาล็อกได้ดังต่อไปนี้

Chinese Pharmacopoeia

Reagecon Reagents and Standards :

  • Dissolution Media in Compliance to the Chinese Pharmacopeia - Product No.​ (Ready to Use Solutions)
  • Dissolution Media in Compliance to the Chinese Pharmacopeia - Product No. (Concentrated Solutions)
Cosmetic

คอสเมติก (Cosmeticsคือ เครื่องสำอางค์ หรือ การใช้สารเสริมเติมแต่งเพื่อเพิ่มความงามให้กับเรือนร่างมนุษย์ และสามารถล้างทำความสะอาดได้โดยวิธีอย่างง่าย โดยสารเสริมความงามนั้นต้องไม่เป็นยา หรืออีกความหมายหนึ่ง คอสเมติก หมายถึง การเสริมความงาม วิชาว่าด้วยความงาม โดยเฉพาะที่มีความเกี่ยวข้องกับเรือนร่างหรือร่างกายของมนุษย์

Reagecon Reagents and Standards :

  • Allergens Single Compound Standards according to European standard CEN/TC 347/WG 4N 19
  • Atomic Absorption Standards used for Heavy Metal Detection in the Cosmetics Industry.
  • Inductively Coupled Plasma-Mass Spectrometry used for Heavy Metal Detection in the Cosmetics Industry.
European Pharmacopoeia

Reagecon Reagents and Standards :

  • Reagents as outlined in Chapter 4 (4.1.1) of Ph. Eur.
  • Volumetric Solutions as outlined in Chapter 4 (4.2.2) of Ph. Eur.
  • Buffer Solutions as outlined in Chapter 4 (4.1.3) of Ph. Eur.
  • Standard Solutions for Limit Tests as outlined in Chapter 4 (4.1.2) of Ph. Eur.
  • Colouration - Primary Solutions
Japanese Pharmacopoeia

Reagecon Reagents and Standards :

  • As per Japanese Pharmacopoeia Edition 15
United States Pharmacopoeia Solution

Reagecon Reagents and Standards :

 

AA / ICP Grade Standards

สารมาตรฐานเกรด Assurance® สำหรับวิเคราะห์กับเครื่อง AA and ICP-AES  มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบสารมาตรฐานที่มีธาตุเดียว (single-element standards)  และสารมาตรฐานที่มีหลายธาตุ  (multi-element standards)  โดยสารมาตรฐานในรูปแบบ single-element นั้นมีให้เลือกมากกว่า 70 ชนิด  ในช่วงการใช้งานความเข้มข้น  1,000 หรือ 10,000 ug/mL  และสารมาตรฐาน multi-element  มีให้เลือกหลากหลายการใช้งาน เช่น  สารมาตรฐานที่ใช้ในการสอบเทียบ,  สารมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องมือ, โลหะในน้ำดื่ม และ  สารมาตรฐานทดสอบค่ารบกวน (Interference check standards)

สามารถสั่งสารมาตรฐานแบบผลิตตามความต้องการ (Custom blends) ได้ด้วย   

30ml ICP-MS and ICP Single Element Standards

ขนาด 30ml ทั้งเล็ก ทั้งประหยัด !

ประหยัดทั้งราคาต้นทุนสินค้า  พื้นที่การจัดเก็บ และค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสีย

ICP-MS Grade Standard

สารมาตรฐานเกรด Claritas®   ICP-MS ใช้สำหรับการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค  ICP-MS  และ ICP-OES  มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบ single-element  และ multi-elementในช่วงการใช้งานความเข้มข้น 1 หรือ 1,000 ug/mL โดยบรรจุในขวดขนาด 125 mL  เพื่อป้องกันการปนเปื้อน  ผลิตจากกรดที่มีความบริสุทธิ์สูง,  วัตถุดิบตั้งต้นคุณภาพดีที่สุด และใช้น้ำความบริสุทธิ์สูง  เพื่อลดโอกาสในการเกิดการปนเปื้อน  ทำการเจือจางเพียงครั้งเดียว เพื่อให้สารอยู่ในระดับความเข้มข้น PPB เพื่อลดความคลาดเคลื่อนในการเตรียมสาร

1 ppm ICP-MS Single Element Standards. Claritas PPT® Grade

⦁    High Performance :  ทำการละลายเตรียมสารที่ระดับ ppb (1 ใน พันล้านส่วน) เพียงขั้นตอนเดียวเพื่อลด dilution errors
⦁    High Purity :  เตรียมจากกรด, สารตั้งต้น และ น้ำที่มีความบริสุทธิ์สูง
⦁    High Quality :  การันตีความแม่นยำ  ± 0.5% Accuracy
⦁    Comprehensive COA :  รายงานค่าการวิเคราะห์มากถึง 68 ค่า

Organometallic Oil Standard

Organometallic Oil Standard ที่ครอบคลุมการใช้งาน ทั้งแบบ single-element  และ multi-element เหมาะสำหรับการวิเคราะห์น้ำมันเครื่อง ไม่ว่าจะโดยวิธี ICP-AES, RDE, DCP, AA หรือ XRF  มีให้เลือกทั้งแบบธาตุเดี่ยว single element จำนวน 37 ธาตุ และแบบธาตุหลายชนิด multi-element ซึ่งมีธาตุผสมจำนวน 5, 12, 21 และ 23 ธาตุให้เลือก  มาในบรรจุภัณฑ์ขนาด  50 กรัม หรือ 100 กรัม ในตัวทำละลายโปร่งใส   ซึ่งผ่านการรับรองความเสถียรและความถูกต้องของสารมาตรฐาน

Consumer Safety Standards

สารมาตรฐานสำหรับทดสอบตามกฎระเบียบที่คุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค

  • Cyanide
  • BioDiesel
  • RoHS / WEEE
  • Conductivity
  • CPSC Metals in Children's Toys
  • USP  <232> and <233> testing for Pharmaceuticals
     

Fluxes & Additive 

SPEX CertiPrep มีผลิตภัณฑ์ ทั้ง Pure และ Ultra-pure Fusion Fluxes & Additive ซึ่งสองผลิตภัณฑ์นี้  ผลิตจาก Micro Bead ที่เม็ด Bead แต่ละเม็ดมีส่วนประกอบและขนาดที่เท่ากันหมด ปราศจากฝุ่นผงที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันในเครื่องมือวิเคราะห์  ซึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Ultra-Pure จะมีความบริสุทธิ์ถึง 99.998% และปราศจากความคลาดเคลื่อนในผลการวิเคราะห์ระหว่างล็อตการผลิต

Fusion Fluxes & Additives

Speciation Standard 

การวิเคราะห์รูปฟอร์มของธาตุใช้ในหลายหน่วยงาน  เช่น  องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม  และ องค์การอาหารและยา  ซึ่งในการวิเคราะห์รูปฟอร์มของธาตุในตัวอย่าง  ต้องใช้ Certified Reference Materials สำหรับการทำ sample verification (การทดสอบตัวอย่าง)  และ method validation (การทดสอบความถูกต้องของวิธีที่ใช้ทดสอบ)  SPEX CertiPrep ภูมิใจนำเสนอ Speciation Standard ที่ผ่านการตรวจสอบด้วย เครื่อง ICP-MS

Single & Dual Speciation Standards by ICP, ICP-MS and LC-ICP-MS

Ion Chromatography Standard

Ion Chromatography (IC) เป็นกระบวนการวิเคราะห์สำหรับแยกไอออน โดยอาศัยหลักการยึดเหนี่ยวของประจุ  IC สามารถใช้ในงานวิเคราะห์ประจุหลากหลายชนิดในโปรตีนโมเลกุลใหญ่ไปจนถึงกรดอะมิโน  SPEX CertiPrep  ใช้ระบบวิธีการตรวจสอบ Triple Checked for Quality® Assurance Program เพื่อรับรองความถูกต้องของค่าวิเคราะห์ทุกค่าที่รายงานใน Certificate    มีขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เลือกที่ 125ml และ 500ml ที่ความเข้มข้น 1,000ppm

Quality Control Samples

ตัวอย่างสำหรับทดสอบระบบการประกันคุณภาพในหน่วยงานของท่าน ว่ามีความ เที่ยงตรง แม่นยำหรือไม่ (Proficiency Testing)  SPEX CertiPrep ได้ร่วมมือกับ ERA  ในการผลิต  โดย QC Samples ทุกรายการผ่านการทดสอบให้ตรงตามข้อกำหนด ของ USEPA, NIST, NELAC และ ISO

SPEXOrganics Product Range

Pharmaceutical Residual Solvent Standard 

Pharmaceutical Residual Solvent Standard

ในอุตสาหกรรมยา มีข้อกำหนดที่จัดทำขึ้นโดย ICH / USP /EP สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการผลิตสาร Solvent เพื่อควบคุมความเป็นพิษที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

SPEXOrganics Product Range

Biodiesel standard

ไบโอดีเซล  กลายเป็นพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  แทนการใช้แหล่งพลังงานจากปิโตรเลียม  ซึ่งแหล่งเชื้อเพลิงนี้เป็นผลผลิตจากปฏิกิริยา esterification ของน้ำมันจากพืชหรือสัตว์   Biodiesel CRM  -ของ SPEX CertiPrep สามารถตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี  ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเตรียมสารมาตรฐานเพื่อใช้เองในห้องปฏิบัติการ

SPEXOrganics Product Range

Pesticide Standard

Pesticide Standard

สารมาตรฐานทดสอบยาฆ่าแมลง  ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา  พบว่ามนุษย์มีการสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชมากขึ้น  จึงทำให้ต้องมีการตรวจสอบและควบคุมสารเคมีกลุ่มนี้ และเป็นสิ่งจำเป็นที่ห้องปฏิบัติการจะต้องมีสารมาตรฐานที่ถูกต้องสำหรับใช้ตรวจสอบวัดระดับของสารกำจัดศัตรูพืชที่มีอยู่หลากหลายในสิ่งแวดล้อม โดยทาง SPEX CertiPrep ทำการผลิต pre-made standard ให้เหมาะกับความต้องการของคุณ

SPEXOrganics Product Range

USP <467> Standards

USP <467> Standards

USP <467> Standards ช่วยระบุและตรวจวัดปริมาณ residual solvents (trace impurities) ในยารักษาโรค

SPEXOrganics Product Range

Bisphenol-A (BAP) และ Phathalate Standard

Consumer Safety Compliance Standards

Bisphenol-A (BAP)  สามารถพบในผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด  เช่น  ของเล่นเด็ก  ขวด และ Epoxy Resin กาวที่ใช้เชื่อมยึดติดสิ่งของต่างๆ  ซึ่งควรคำนึงถึงความปลอดภัยของ BPA โดยเฉพาะผลกระทบต่อสุขภาพ รวมไปถึงระบบสืบพันธุ์และผลกระทบทางพันธุกรรม  Phthalate เป็นวัตถุดิบขั้นต้น ที่ใช้เป็นหลักในอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกและอุตสาหกรรมที่มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบ  มีการศึกษาพบว่า Phathalate มีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคหอบหืดในวัยเด็ก ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์  โรคเบาหวาน  โรคอ้วน  และผละกระทบทางพันธุกรรม  

SPEX CertiPrep จึงขอนำเสนอสารมาตรฐาน BPA และ Phthalate ที่ครอบคลุมทุกการทดสอบ ซึ่งท่านสามารถดูได้จาก Brochure ฉบับนี้


∎  UL and A2LA Stamp of Approval
- Quality system complies with ISO 9001:2008 — Registered with UL-DQS.
- Aqueous standards manufactured to meet the requirements of ISO 17025:2005 and ISO Guide 34-2009 — Accredited by A2LA.

∎  SPEX CertiPrep Consumer Safety
Compliance Standards can be used with the following instrumentation:
- ICP, Inductively Coupled Plasma
- ICP/MS, Inductively Coupled Plasma-Mass Spectroscopy
- GC/MS, Gas Chromatography-Mass Spectrometry (IE, CI)
- GC, Gas Chromatography (FID, ECD, PID, TCD)
- HPLC, High Performance Liquid Chromatography
- HPLC/MS, High Performance Liquid Chromatography-Mass Spectrometry

SPEXOrganics Product Range

SPEX CertiPrep  IQ Custom Standard Kits

การตรวจสอบเครื่องมือ  ถือเป็นงานส่วนที่มีความสำคัญที่ต้องทำเป็นประจำในห้องปฏิบัติการ  โดยแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Laboratory Practice, GLP) และมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (Good Manufacturing Practice,GMP) กำหนดให้ห้องปฏิบัติการ ต้องทำการสอบเทียบเครื่องมือ ตามโปรแกรม Operational Qualification/ Performance Verification (OQ/PV) และเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือทำงานได้อย่างถูกต้อง  โดยจะต้องสอบเทียบระบบการทำงานและจัดทำเอกสารรายงานผลการสอบเทียบตามเกณฑ์ของเครื่องมือที่กำหนดไว้  SPEX CertiPrep สามารถผลิตชุดทดสอบได้รวดเร็ว สะดวก  และง่ายต่อการใช้งานตามความต้องการเฉพาะชองคุณ
 

SPEXOrganics Product Range

US EPA Drinking Water Method

SPEX CertiPrep นำเสนอ CRM สำหรับวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐานน้ำดื่ม US EPA 521,525,527,529 และ 535  ในห้องปฏิบัติการตรวจสอบน้ำดื่มจะใช้วิธีการตรวจนี้กำหนดระดับ  nitrosamine (Method 521 ), สารประกอบอินทรีย์ (Method 525), selected pesticides และ flame-retardant compound (Method 527), สารก่อระเบิดและสารประกอบที่เกี่ยวข้อง ( Method 529) และ chloroacetanilide และ acetamide herbicide degrates (Method 535) ในน้ำดื่ม
 

SPEXOrganics Product Range

Wine Standards

สารมาตรฐานสำหรับการทดสอบในอุตสาหกรรมการผลิตไวน์โดยเฉพาะ  สำหรับทดสอบสารเจือปนและ byproducts ที่เกิดจากกระบวนการผลิต

Wine Standards

SPEXOrganics Product Range

Custom standard/packing

ที่ SPEX CertiPrep เรามีสารประกอบความบริสุทธิ์สูงกว่า 2,000 ชนิด สำหรับใช้เป็นวัสดุอ้างอิงในการผลิตสารอินทรีย์ ซึ่งสามารถใช้เป็นสารมาตรฐานเดี่ยว  หรือนำมาผสมกันได้  ถ้าท่านไม่พบสินค้าที่เหมาะกับความต้องการของท่านใน รายการตามแคตตาล็อคสินค้าของเรา ทางนักเคมีของเราสามารถเตรียมสารมาตรฐานนั้นให้ท่านได้  เพียงท่านแจ้งรายการ  ชื่อสารที่จะวิเคราะห์, ความเข้มข้น  และmatrixในตัวอย่าง  โดยทางห้องปฏิบัติการของเราจะรับรองความถูกต้องและความเสถียรภาพของสารมาตรฐาน

Custom Standard / Packing

สามารถสอบถามราคา Customer Organic & Inorganic Standard ง่ายๆ  เพียงกรอกข้อมูลความต้องการของท่านลงในแบบฟอร์มด้านล่างนี้ แล้วส่งมาให้เราที่ info@apexchemicals.co.th           

 >> Download Request Form <<

Guaranteed Reagents (GR)

Guaranteed Reagents (GR)

สารเคมีเกรดวิเคราะห์  Guaranteed Reagents (GR grade) หรือบางยี่ห้อเรียก Analytical Reagents (AR grade)

ใช้สำหรับงานวิเคราะห์และวิจัยที่ต้องการสารที่มีความบริสุทธิ์สูง สาร AR grade เหมาะที่จะใช้เป็นสารทำปฏิกิริยาและสารมาตรฐานปฐมภูมิ  ส่วนมากมีค่าความบริสุทธิ์มากกว่า 99% ขึ้นไป

  • Certificate of Analysis (COA) ใบรับรองผลค่าการวิเคราะห์ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวมีข้อมูลระบุถึง ข้อมูลรับประกันความบริสุทธิ์ขั้นต่ำ (minimum assay) และระดับสารปนเปื้อนที่มากที่สุด (maximum impurities)  
  • สินค้าเกรดนี้เทียบได้กับเกรดวิเคราะห์ของแบรนด์สากลอื่นๆ เช่น Purum p.a., Puriss p.a., Analar, EMSURE ฯลฯ

HPLC/ HPLC Gradient Solvents

HPLC / HPLC Gradient Solvents

สารละลายสำหรับใช้ในงาน High Performance Liquid Chromatography (HPLC) โดยเฉพาะ สารละลาย HPLC grade ของ Loba Chemie ผ่านการกรองที่ระดับ 0.02 ไมครอนเพื่อให้มั่นใจว่าสารละลายมีความบริสุทธิ์สูง สิ่งเจือปนที่อาจก่อให้เกิดค่ารบกวนต่อผลการวิเคราะห์ต่ำ

มีการควบคุมค่าพารามิเตอร์หลักต่างๆอย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็น

  • UV absorbance/ transmittance  ค่าการดูดซับหรือส่งผ่านรังสี UV
  • Non-volatile matter   ค่าปริมาณสารที่ไม่ระเหยง่าย
  • Moisture content  ปริมาณน้ำ
  • Fluorescence impurities   ค่าสารเจือปน
  • %Assay  ค่าความบริสุทธิ์ 

Best Sellers

  • Acetonitrile HPLC Gradient
  • Methanol HPLC Gradient
  • Dichloromethane HPLC
  • Hexane HPLC
  • Tetrahydrofuran HPLC
  • Water HPLC
  • Ethyl Acetate HPLC
  • Etc.

Biological Stains (for microscopy)

Biological Stains and Dyes

**สินค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มสินค้ายอดนิยมและเป็นสินค้าแนะนำของ Loba Chemie**

สีย้อมสำหรับใช้ในงานวิจัยด้าน จุลชีววิทยา, เนื้อเยื่อวิทยา,โลหิตวิทยา และเซลล์วิทยา ผ่านการตรวจสอบควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดเพื่อให้มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ โดยตรงตามเกณฑ์ระบุของ H.J. Conns Biological stains (1977) มีทั้งแบบผงและแบบเป็นสารละลายเตรียมสำเร็จพร้อมใช้

Loba Chemie ขอนำเสนอรายการสีย้อมที่ครอบคลุมงานวิเคราะห์ที่หลากหลาย สำหรับใช้ในงานด้าน Microbiology, Hematology, Histology, Cytology, Protein และ DNA Staining หลังจากกระบวนการ Electrophoresis และ Fluorescence Microscopy

Best Sellers

  • Wright's Stain
  • Fuchsin Basic
  • Safranine O
  • Crystal Violet
  • Methylene Blue
  • Orange G
  • Alizarine Cyanine

Volumetric Solutions (NIST Traceable)

Ready-to-use Volumetric Solutions (Traceable to NIST)

สารละลายเตรียมสำเร็จที่ความเข้มข้นระดับต่างๆ สำหรับพร้อมใช้งานได้เลย  ประหยัดเวลาไม่ต้องเตรียมสารละลายเอง 

  • Certificate of analysis (COA) มีข้อมูลระบุถึงระดับความเข้มข้นที่ทดสอบได้จริง  หมายเลขล็อตการผลิต วันหมดอายุและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตามข้อกำหนดของสถาบันมาตรวิทยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา   National Institute of Standards and Technology, USA (NIST traceable).   
  • อายุการใช้งาน (shelf life) – 36 เดือน นับจากวันผลิต หากยังไม่มีการเปิดใช้
  • วันหมดอายุ (expiry date) – 12 เดือน หลังจากวันที่เปิดใช้งาน

AAS Standards (NIST Traceable)

AAS Standard Solutions (NIST Traceable)

สารละลายมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์ที่ใช้กับ Atomic Absorption Spectrometry (AAS)   

                                  

สารละลาย AAS Standards ของ Loba Chemie สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตรงตามมาตรฐานของ  National Institute of Standards and Technology, USA  (NIST) และ Community Bureau of Reference, Europe (BCR) 

Features

  • ผลิตจาก โลหะบริสุทธิ์ 99.9% ละลายในตัวทำละลายความบริสุทธิ์สูง ส่วนมากเป็นกรด Hydrochloric acid หรือ Nitric acid
  • ความเข้มข้นของโลหะ: 1,000 ppm  
  • ระดับของความเที่ยงตรงเทียบกับค่าเป้าหมาย (uncertainty value)  รับรองที่ ± 0.2%. (± 0.002 unit tolerance)

อายุการใช้งาน (shelf life) – 48 เดือน นับจากวันผลิต หากยังไม่มีการเปิดใช้

วันหมดอายุ (expiry date) – 12 เดือน หลังจากวันที่เปิดใช้งาน

ICP Standards (NIST Traceable)

ICP Standard Solutions (NIST Traceable)

สารละลายมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์ที่ใช้กับเครื่อง Inductively coupled plasma (ICP)

สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึง  National Institute of Standards and Technology, USA  (NIST) และ Community Bureau of Reference, Europe (BCR) 

Features

  • มีให้เลือกทั้งแบบ Single Element และ Multi-Element Standards

  • มีระดับความเข้มข้นให้เลือกหลากหลาย  1ppm, 100 ppm, 1,000ppm และ 10,000 ppm

  • ผลิตจาก โลหะบริสุทธิ์ 99.99% ละลายในตัวทำละลาย super pure เช่น Hydrochloric acid, Nitric acid หรือ Water ขึ้นกับธาตุโลหะ

  • ระดับของความเที่ยงตรงเทียบกับค่าเป้าหมาย  รับรองที่ +/- 0.2%

อายุการใช้งาน (shelf life) – 48 เดือน นับจากวันผลิต หากยังไม่มีการเปิดใช้

วันหมดอายุ (expiry date) – 12 เดือน หลังจากวันที่เปิดใช้งาน

ขนาดบรรจุภัณฑ์  - 100ml  และ 500 ml   บรรจุมาในถุงอะลูมิเนียมอย่างดีพร้อมใบรับรองผลค่าการวิเคราะห์ (Certificate of Analysis, COA)

Trace Metal Acids & High Purity acids (ACIPUR)

ACIPUR High Purity Acids

ACIPUR® กรดความบริสุทธิ์สูงสำหรับงานวิเคราะห์โลหะหนัก (Trace Metal Analysis)    

กรดความบริสุทธิ์สูงเกรด ACIPUR ของ Loba Chemie  รายงานผลทดสอบปริมาณโลหะเจือปนที่ระดับต่ำเพียง ppb ( part per billion หรือ หนึ่งในพันล้านส่วน) ผ่านการกลั่นสองชั้น (double-distilled) และทำการบรรจุในห้องคลีนรูม  เพื่อให้มั่นใจว่าได้กรดที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด ปริมาณสารเจือปนน้อยสุด ไม่ส่งผลกระทบต่อผลการทดลองของนักวิจัย  

  • สเป็คสินค้าผ่านมาตรฐาน ACS (American Chemical Society)

  • COA แสดงค่าพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องมากถึง 32 ค่า ที่ระดับ ppb (part per billion)

  • เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูงในอุตสาหกรรมยา  เทคโนโลยีชีวภาพ 

Best Sellers

  • Hydrochloric acid 37% ACIPUR
  • Nitric acid 69.5% ACIPUR
  • Perchloric acid 70%  ACIPUR
  • Hydrofluoric acid 48% ACIPUR
  • Sulfuric acid 96% ACIPUR

pH Indicators and Solutions

pH Indicators and Solutions

สาร pH indicator ใช้สำหรับบ่งบอกค่าความเป็นกรด-ด่างของสารละลายตัวอย่างที่สนใจ  

indicator จะช่วยเปลี่ยนสีสารละลายตามค่าช่วง pH ที่ indicator นั้นมีคุณสมบัติบ่งบอก  

pH indicator ของ Loba Chemie มีให้เลือกทั้งแบบผง, สารละลาย และกระดาษอินดิเคเตอร์

Biochemicals Reagents

Biochemical Reagents

รีเอเจนท์ความบริสุทธ์สูงสำหรับงานวิเคราะห์วิจัยทางด้านชีวเคมี 

ผลิตภัณฑ์ของ Loba Chemie  มีครอบคลุมตั้งแต่ alkaloids, amino acids, buffers, carbohydrates, enzymes, enzyme substrates, nucleotides, derivatives, vitamins ฯลฯ

Bulk & Semi-Bulk

Bulk Chemicals Solution

หลากหลายบริษัทจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่มีความบริสุทธิ์สูงเป็นปริมาณมากในการวิเคราะห์ตรวจสอบคุณภาพสินค้า หรือ แม้แต่ในกระบวนการผลิต ทาง Loba Chemie สามารถให้คำปรึกษาและให้บริการนำเข้าสารเคมีแบบเป็นถังขนาดใหญ่พิเศษ  

  • สามารถช่วยลดต้นทุนในการวิเคราะห์และการผลิต
  • บรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่พิเศษที่เป็นแบบถัง มีให้บริการคือตั้งแต่ 5 กิโลกรัม ไปจนถึง 200 กิโลกรัม

Water - For Analytical Applications

Water - For Analytical Applications
  • WATER FOR GC-HS
  • WATER GRADIENT GRADE
  • WATER ELECTRONIC GRADE
  • WATER AR - FOR ANALYSIS
  • WATER PRA - FOR PESTICIDE RESIDUE ANALYSIS
  • WATER DEIONIZED
  • WATER FOR HPLC & SPECTROSCOPY

GC-HS Solvents

GC-HS Solvents

TLC Sprayer

- Fine, uniform spray ideal for the development of chromatographic patterns.
- For easy visualization of the colorless components on a TLC plate.

TLC Sprayer

TLC Sprayer ชุดหัวฉีดสเปรย์สำหรับงานวิเคราะห TLC (Thin Layer Chromatography) ใช้งานง่าย เพียงเลือกใช้ Reagent ที่เหมาะกับ sample ที่ต้องการวัด

Features

  • ลดปริมาณของเสียที่เกิดจากการทดสอบลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับวิธีวิเคราะหแบบดั้งเดิม
  • ช่วยประหยัดต้นทุนการวิเคราะหได้อย่างดี
  • ไม่ต้องใช้ UV light ส่อง
  • หลังจากฉีดพ่นลงไปบนแผ่น TLC ที่สปอต sample ไว้ จะขึ้นสีให้เห็นได้เร็วและชัดเจน
  • หัวสเปรย ให้แรงดันที่สมํ่าเสมอ ให้รอยพ่นที่สวยงาม ไม่เลอะเทอะ
  • ขวดสารขนาด 125ml สามารถฉีดพ่นได้ >500 ครั้ง
  • หากใช้ในปริมาณน้อยสำหรับ TLC plate ขนาดเล็ก จะสามารถฉีดพ่นได้ >1,000 ครั้ง

Redox Indicators

Redox Indicators

Redox indicators are an indicators that under goes a definite color change at a specific eletrode potential and show a reversible color change between oxidized and reduced form

Dessicators
Dessicators

โถดูดความชื้น ถูกออกแบบให้มีความคงทนแข็งแรงและสะดวกต่อการใช้งาน ใช้สำหรับดูดความชื้นออกจากสารเคมีต่างๆ ให้เหลือเฉพาะสารเคมี ไม่มีความชื้นหรือน้ำอยู่ในโมเลกุลของสาร วัสดุทนต่อสารเคมี สามารถบรรจุสารดูดความชื้นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Sulphuric acid, Phosphoric pentoxide, Calcium Chloride หรือ Silica gel

โถดูดความชื้นมีให้เลือก 2 รุ่น คือแบบธรรมดาและแบบสำหรับต่อกับ Vacuum pump

Dishes

Dishes

ถ้วยแก้วและจานเพาะเชื้อของ BOROSIL ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการตกผลึกสาร ระเหยแห้ง จัดเก็บสารหรือสำหรับเพาะเชื้อ ทำจากวัสดุที่ทนทาน เฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิยากับสารตัวอย่างที่บรรจุ สามารถนำไปฆ่าเชื้อ (sterilization) ทำความสะอาด และนำกลับมาใช้ได้อีกหลายๆครั้งโดยที่แก้วยังคงความใสอยู่

ถาดแก้ว Borosil (Drying Trays) เนื้อแก้วหนา มีความแข็งแรงและทนทานต่อการทำปฏิกิริยาเคมี เหมะกับการอบแห้ง ฆ่าเชื้อ และทำ paper chromatography

ตัวอย่างรายการสินค้า

Distilling Apparatus

Distilling Apparatus

เครื่องแก้วชุดกลั่นพร้อมใช้งาน ออกแบบมาสำหรับงานวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่เฉพาะทาง มีให้เลือกหลากหลายตามการใช้งาน เช่น

กรณีที่คุณต้องการชุดกลั่นสำหรับการใช้งานแล็บทั่วๆไป คุณสามารถเลือกซื้อชิ้นส่วนประกอบ (Spare Part) สำหรับออกแบบชุดกลั่นในแบบที่คุณต้องการได้เองเพิ่มเติมได้ที่หมวด Condensers และ Flasks

Extraction Apparatus

Extraction Apparatus

ชุดเครื่องมือสกัด มักใช้ในการสกัดน้ำมันหอมระเหยที่มีจุดหลอมเหลวต่ำและยังเหมาะสำหรับแยกสารอินทรีย์ที่ไม่เสถียรที่ความร้อนสูงออกจากสารผสมที่เป็นของแข็ง โดยนำวัสดุที่ต้องการสกัดใส่ในเครื่องสกัดและใส่สารละลายลงในขวดก้นกลมด้านล่าง นำไปตั้งให้ให้ความร้อน ตัวทำละลายจะระเหยกลายเป็นไอแล้วกลั่นตัวเป็นของเหลวผ่านลงไปในสารตัวอย่าง (ของแข็งหรือของเหลว) จากนั้นตัวทำละลายที่ได้สัมผัสกับสารจะไหลกลับลงสู่ขวดรองรับ ตัวทำละลายที่พาสารลงมาในขวดนี้จะถูกระเหยกลับขึ้นไปอีก ทิ้งสารที่สกัดออกมาไว้ในขวดรองรับ แล้วกลั่นตัวลงบนสารซ้ำแล้วซ้ำอีกดังนี้ไปเรื่อยๆ จนทำให้ได้สารที่ต้องการสกัดในขวดฟลาสค์กลมที่รองรับอยู่ด้านล่างในที่สุด

ตัวอย่างรายการสินค้า

Filtration Assembly

Filtration Assembly

เทคนิคการวิเคราะห์โดย HPLC เป็นวิธีการตรวจหาและแยกสารประกอบทางเคมีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ระดับความบริสุทธิ์ของสารละลายที่ใช้เป็นเฟสเคลื่อนที่ในการวิเคราะห์มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความถูกต้องของผลการทดลองและอายุการใช้งานของเครื่องมือวิเคราะห์

การนำสารละลายมากรองก่อนที่จะนำไปวิเคราะห์กับเครื่องมือต่อไปนั้นช่วยรักษาอายุการใช้งานของเครื่อง HPLCที่มีราคาแพงให้อยู่ได้นานขึ้น อนุภาคเจือปนที่เราไม่ต้องการในตัวทำละลายอาจทำให้ปั้มที่มีราคาแพงเสียหาย คอลัมน์เกิดการอุดตัน ทั้งยังก่อให้เกิดพีครบกวนต่อผลการวิเคราะห์อีกด้วย แม้สารละลายเกรด HPLC จะผ่านการกรองมาโดยผู้ผลิตในขั้นต้นแล้วก็ตาม แต่การปนเปื้อนก็อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างช่วงการเก็บรักษาเนื่องจากสารละลายอาจทำปฏิกิริยากัดกร่อนภาชนะที่บรรจุและอาจมีการระเหยและควบแน่นไปมาของสารละลายเองภายในภาชนะนั้น

การกรองสารละลายช่วยลดโอกาสที่เครื่องมือวิเคราะห์จะเสียหาย ช่วยยืดอายุการใช้งานของคอลัมน์ ปั๊มและวาล์ว และที่สำคัญที่สุดยังช่วยให้เครื่องมือวิเคราะห์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสมบูรณ์

ชุดกรอง HPLC Mobile Phase Filtration Assembly ของ Borosil ผลิตจากแก้ว Borosilicate เนื้อแก้วหนา คงทนแข็งแรง มีให้เลือกหลากหลายขนาดตามความต้องการข้องผู้ใช้ ทั้งยังมีอะไหล่ชุดกรอง (Spare Parts) จำหน่ายสำหรับลูกค้าที่ซื้อแบบยกเซ็ตไปแล้ว และต้องการเปลี่ยนแค่อะไหล่บางส่วน

ตัวอย่างรายการสินค้า

Flasks

Flasks

BOROSIL มีขวดฟลาสก์ หลากหลายรูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น

  • Erlenmeyer flasks
  • Iodine flasks
  • Filtering flasks
  • Kjeldahl flasks

และยังมีฟลาสก์แบบมีข้อต่อ (Interchangeable joint) ซึ่งเหมาะสำหรับนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องแก้วอื่นๆ กรณีที่คุณมีเครื่องแก้ว 2 ชิ้นที่มีขนาดข้อต่อไม่เท่ากัน คุณสามารถเลือกซื้อข้อต่อ Adaptor ที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการเชื่อมเครื่องแก้วทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างรายการสินค้า

Funnels

Funnels

กรวยแยก ใช้สำหรับแยกสารที่เป็นของแข็งกับของเหลว ,ของเหลวกับของเหลว หรือ ช่วยในการเทสาร โดยกรวยแยกของ BOROSIL นั้นมีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละด้าน

ตัวอย่างรายการสินค้า

Gas Generators & Jars

Gas Generators & Jars

เครื่องผลิตก๊าซ (Gas Generators) ใช้ในการผลิตก๊าซในห้องทดลอง เช่น ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulphide), คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) ฯลฯ

เครื่องผลิตก๊าซ ของ BOROSIL เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งกับความต้องการอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและความแม่นยำสูงทำให้เป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบสำหรับวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์

กล่องเก็บสาร (Jars) มักใช้ในการศึกษาและค้นคว้า เช่น

ข้อสำคัญ!!  ไม่แนะนำให้นำกล่องเก็บสารเหล่านี้ไปรนกับเปลวไฟโดยตรง หรือนำไปวางบน hot plate

 

Kettles

Kettles

Resin reaction kettles ของ BOROSIL ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับงาน organic reaction ที่มีสารที่มีความหนืดมากเกี่ยวข้องในปฏิกิริยา ปากของหม้อต้มมีขนาดกว้างเพื่อความสะดวกในการล้างทำความสะอาดด้านในตัวหม้อ ฝาปิดและก้นหม้อถูกหล่อขึ้นให้มีความหนาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการแตกร้าวจากปฏิกิริยาเคมี ฝาปิดมีข้อต่อที่สามารถเชื่อมต่อกับ condensers, stirrers หรืออุปกรณ์อื่นๆได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน

ตัวอย่างรายการสินค้า

Pharmacopeial Products

Pharmacopeial Products

ทำจากแก้ว Borosilicate 3.3 มีความแข็งแรง ทนทาน โดยผลิตตามมาตรฐานตำรับยาแบบต่างๆ

ตัวอย่างรายการสินค้า

Pipettes

Pipettes

ปิเปตต์  ใช้สำหรับตวงหรือวัดปริมาตรของสารละลายให้ได้ปริมาตรที่แน่นอน มีความถูกต้องแม่นยำสูง โดยปิเปตต์ของ BOROSIL มีสีสเกลให้เลือกหลากหลายตามงานของผู้ใช้  ไม่ว่าจะเป็นสีขาว, สีชา หรือสีฟ้า

  • Volumetric pipette (Transfer pipette)  มีลักษณะเป็นกระเปาะป่องแก้วบริเวณตรงกลางปิเปตต์ มีขีดบอกปริมาตรเพียงขีดเดียว ดังนั้นจึงวัดปริมาตรได้เพียงค่าเดียว
  • Measuring pipette (Graduated pipette) มีขีดบอกปริมาตรหลายขีดที่ระดับปริมาตรต่างๆ ทำให้สามารถใช้ได้อย่างหลากหลาย สามารถใช้แทน Volumetric pipette ได้ แต่ความแม่นยำในการวัดจะน้อยกว่า Volumetric pipette เมื่อเปรียบเทียบขนาดความจุที่เท่ากัน

ตัวอย่างรายการสินค้า

Quartz Ware

Quartz Ware

เครื่องแก้วควอทซ์  สามารถใช้กับงานอุณหภูมิสูงได้ถึง 1,050 °C อย่างต่อเนื่อง เหมาะกับงานที่ต้องการทนความร้อนสูงมากและมีความทนทานสูงเป็นพิเศษ

แก้วควอทซ์เป็นแก้วพิเศษที่ประกอบด้วย ซิลิกอนไดออกไซด์ หรือ ซิลิกา ( SiO2) สูงถึง 99.95% ทำให้มีคุณสมบัติคงทนต่อปฏิกิริยาเคมีได้อย่างดีเยี่ยม เนื้อแก้วแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ Quartz Ware สามารถใช้บรรจุกรดแก่อย่าง Sulfuric acid, Nitric acid และ Hydrochloric acid ได้อย่างไม่มีปัญหา พื้นผิวของซิลิกาไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือถูกทำลายน้อยมาก แม้จะถูกทิ้งไว้ให้สัมผัสกับน้ำ อากาศ สารปนเปื้อน หรือ ออกไซด์ของไนโตรเจนและโอโซนเป็นเวลานาน

แก้วควอทซ์อาจเกิดความเสียหายได้เมื่อสัมผัสกับสารละลายอัลคาไลน์และกรดที่อุณหภูมิสูงมากๆ แก้วควอทซ์มีสัมประสิทธิ์การการขยายตัวต่ำ จึงทำให้มีความเสถียรในการคงรูปร่าง และทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้เป็นอย่างดี

  • สภาพต้านทานไฟฟ้า (Electrical resistivity) คือ การวัดความสามารถของวัสดุในการยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
  • จุดอบอ่อน (Annealing Point) ในช่วงอุณหภูมินี้ การแพร่ของอะตอมจะเร็วมากพอที่จะกำจัดความเค้นภายในให้หมดไป
  • จุดความเครียด (Strain Point) คือ ช่วงอุณหภูมิสูงสุดที่แก้วจะถูกทำให้เย็นตัวงอย่างรวดเร็วได้ โดยไม่ทำให้เกิดความเค้นมากในชิ้นงาน
  • Working Temperature คือ อุณหภูมิช่วงที่แก้วมีความหนืดเหมาะสมสำหรับการขึ้นรูป

ข้อควรระวัง ! : ไม่ควรใช้บรรจุสารละลายด่างแก่ที่ร้อนจัด, ออกไซด์ของโลหะ, Hydrofluoric acid และ Phosphoric acid

ตัวอย่างรายการสินค้า

Sintered Ware

Sintered Ware

Sintered glassware หรือ Fritted glassware ใช้สำหรับกรองแยกสารที่เป็นของเหลวกับแก๊สในห้องปฏิบัติการ มีส่วนประกอบของแผ่นดิสก์ที่ทำจากแก้วที่มีลักษณะเป็นรูพรุนเล็กมาก ไว้สำหรับทำหน้าที่กรองสาร  ผลิตโดยนำแก้วมาบดให้ละเอียด ล้างทำความสะอาด และแยกขนาดของผงแก้วตาม mesh size จากนั้นนำผงแก้วมาให้ความร้อนจนหลอมติดกันออกมาในรูปของแผ่นดิสก์ 

Sintered disc แบ่งออกเป็น 5 เกรดตามขนาดของรูพรุน แบ่งเป็น G1, G2, G3, G4 และ G5

แผ่นดิสก์สำหรับกรองสาร มีพื้นผิวที่แข็งแรงมาก ทำให้ไม่มีการลอกหลุดของผงแก้วในระหว่างที่มีการใช้งานกับสารเคมีหรือขณะล้างทำความสะอาด ทั้งยังมีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อนของสารเคมีด้วย

 

ข้อควรระวัง !

  • สามารถใช้งานภายใต้ความดันไม่เกิน 100 กิโลนิวตัน/ตารางเมตร (15psi)
  • หลีกเลี่ยงการใช้งานที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างเฉียบพลัน อัตราการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิ ไม่ควรเกิน 20°C/นาที
  • ไม่ควรนำไปใช้กับเปลวไฟโดยตรง เนื่องจาก Sintered ware นั้นมีรูพรุนในตัว จึงบอบบางกว่าแก้วชนิดอื่นๆ ของ BOROSIL
  • สามารถนำไปอบให้ความร้อนสูงสุดได้ไม่เกิน 500°C
  • ในการใช้งานครั้งแรก ก่อนนำไปใช้งาน ควรล้างโดยการกรองด้วยแรงสุญญากาศ ด้วยกรดเกลือ (Hydrochloric acid) ที่ร้อนแล้วล้างด้วยน้ำกลั่นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกำจัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่

Tubes

Tubes / Test tubes / Culture tubes

หลอดทดลองที่ผลิตจากแก้วคุณภาพสูง แข็งแรงทนทาน หลากหลายให้เลือกไม่ว่าจะเป็น

ตัวอย่างรายการสินค้า Tubes

รวมไปถึง หลอดทดลอง (Test tubes ; Culture tubes) ที่ใช้สำหรับใส่สารละลาย หรือสารเคมีใดๆ ในปริมาณน้อยๆ เพื่อทดสอบปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นในระบบเล็กหรือใช้สำหรับงานทางจุลชีววิทยาในการเพาะเลี้ยงเชื้อ

ตัวอย่างรายการสินค้า Test Tubes ; Culture Tube

Volumetric Flasks

Volumetric Flasks

ขวดแก้ววัดปริมาตร เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเตรียมสารละลายให้มีปริมาตรที่แน่นอน สำหรับการวิเคราะห์ทางเคมี โดย Volumetric Flask (ขวดวัดปริมาตร) ของ BOROSIL นั้นทำจากแก้ว Borosilicate 3.3 Type I เนื้อแก้วหนา ใส เรียบเนียน ปราศจากคลื่นบนเนื้อแก้ว มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อความร้อนและทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีได้เป็นอย่างดี ขีดวัดปริมาตร Scoring Mark ถูกสลักลงบนเนื้อแก้วโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เล็งแสงเลเซอร์กำหนดขีดปริมาตร และใช้เพชรตัดวนเป็นวงรอบ จึงปราศจากปัญหาขีดวัดปริมาตรเลือนหายหรือหลุดลอก

การเลือกและสั่งซื้อ Volumetric flasks ให้เหมาะกับงานนั้นควรคำนึงถึง

1. สีของเนื้อแก้ว : มีให้เลือกทั้งแบบสีใสและสีชา

  • แบบเนื้อแก้วสีใส (Clear) ลายพิมพ์ตัวหนังสือเป็นสีชา Amber Printing ซึ่งเป็นสีผสมโลหะและนำไปอบให้สีซึมเข้าไปในตัวเนื้อแก้ว จึงไม่มีปัญหาการหลุดลอก
  • แบบเนื้อแก้วสีชา (Amber) ลายพิมพ์ตัวหนังสือเป็นสีขาว White Printing ซึ่งเป็นสีเซรามิคและนำไปอบแห้ง

2. ช่วงค่าเบี่ยงเบนในการวัด (Tolerance) ที่ยอมรับได้ เครื่องแก้ววัดปริมาตร แบ่งออกเป็น Class A และ Class B โดย Class A นั้นจะมีช่วงค่า Tolerance น้อยกว่า Class B ครึ่งหนึ่ง จึงมีความแม่นยำในการวัดมากกว่าและราคาสูงกว่า Class B สำหรับ Class A นั้น คุณสามารถเลือกมาตรฐานสอบกลับ ไม่ว่าจะเป็น DIN/ ISO หรือ ASTM ซึ่งแต่ละมาตรฐานนั้นจะมีข้อกำหนดค่า Tolerance ที่แตกต่างกัน

  • รวมถึง Certificate รับรองค่าการวิเคราะห์นั้น ก็มีให้เลือกทั้งแบบ Batch Certificate (แบบรับรองรายล็อตการผลิต) หรือ Individual Certificate (แบบรับรองรายชิ้น) ได้ตามความต้องการ

3. จุกปิด (Stopper) : มีให้เลือกทั้งแบบจุกแก้ว และ จุกพลาสติก ทั้งนี้ผู้ใช้ควรคำนึงถึงขนาดของจุกปิดด้วย (stopper size) กรณีที่สารตัวอย่างมีขนาดใหญ่ เช่นต้องใส่เม็ดยาลงไปในขวดวัดปริมาตร ควรเลือกแบบ wide neck ซึ่ง stopper size จะกว้างเป็นพิเศษ

 

ตัวอย่างรายการสินค้าที่บริษัทฯ ทำสต็อคพร้อมจัดส่ง

Watch Glasses

Watch glasses

กระจกนาฬิกา ใช้สำหรับใส่สารทดลองทั่วไป หรือ ใช้ปิดปากบีกเกอร์เพื่อป้องกันฝุ่นละอองหรือป้องกันสารละลายระเหย

 

รายการสินค้า

Weighing Scoop

Weighing Scoop

ที่ตักสารเคมี (Weighing Scoop) ใช้สำหรับตักสารเคมีที่มีปริมาณน้อย ไม่ว่าจะเป็นผง (powder) หรือ ของเหลว

 

รายการสินค้า

Analytical Reagents

Duksan มีสินค้ากลุ่มสำหรับใช้ในงานวิเคราะห์กว่า 2,000 รายการ โดยมีทั้งแบบ General reagents และ Special purpose reagents

Special Purpose reagents

  • Volumetric analysis
  • Buffer solution
  • Indicator solution for Titration
  • Anhydrous titration

Quality grades

  • Guaranteed Reagents (GR)
  • AR ('AnalaR' Standards)
  • ACS (America Chemical Society)
  • Extrapure
  • Chemical Pure (CP)
Volumetric analysis
  • Bromine
  • Hydrochloric acid
  • Iodine
  • Nitric acid
  • Oxalic acid
  • Potassium Chloride
Buffer Solution
  • Buffer Solution Standard pH 2.00
  • Buffer Solution Standard pH 3.00
  • Buffer Solution Standard pH 4.01
  • Buffer Solution Standard pH 6.86
  • Buffer Solution Standard pH 7.00
  • Buffer Solution Standard pH 9.18
Indicator solution for Titration
  • Alizarin Red S
  • Alizarin Yellow GG
  • Bromocresol Green
  • Bromocresol Blue
  • Congo Red
  • Indigo Carmine
  • Methyl Orange
  • Methyl Red
  • Phenol Red
  • Thymol Blue
Anhydrous titration
  • Acetic acid
  • Crystal Violet-Acetic acid solution
  • Sodium Methoxide 28% solution in Methanol
Guaranteed Reagents (GR)

ตัวอย่างรายการสินค้า

  • Acetic acid, glacial, >99.7%, GR (2.5L) #Cat.3839
  • Acetic acid, glacial, >99.7%, GR (4L) #Cat.3577
  • Ethanol Absolute 99.5% (Denatured), GR (2.5L) #Cat.3979
  • Ethanol Absolute 99.5% (Denatured), GR (4L) #Cat.3980
  • Ethyl methyl ketone, >99%, GR (2.5L) #Cat.4732
  • Sulfuric acid >95%, GR (2.5L) #4605
AR grade, ACS grade

ตัวอย่างรายการสินค้า มีสินค้าพร้อมจัดส่ง

  • N-Hexane >96%, AR (4L) #Cat.2939
  • Hydrochloric acid 35-37%, AR (2.5L) #Cat.4606
  • Nitric acid, ACS (2.5L) #Cat.4775
Extra Pure grade

ตัวอย่างรายการสินค้า มีสต็อคพร้อมจัดส่งทันที

  • Carbon disulfide, >98%, Extra Pure (1L) #Cat.1244
  • Hydrogen peroxide, 30-32%, Extra Pure #Cat.5007

HPLC grade

ตัวอย่างรายการสินค้า

  • Acetic acid, glacial, HPLC (4L) #Cat.1755
  • Acetone, HPLC (4L) #Cat.515
  • Acetonitrile, HPLC (4L) #Cat.549
  • 1-Butanol, HPLC (4L) #Cat.1047
  • Ethanol, HPLC (4L) #Cat.76
  • n-Hexane 95%, HPLC #Cat.820
  • Methanol, HPLC(4L) #Cat.62
  • Petroleum Ether (35~60 °C), HPLC #Cat.1591
  • Toluene (4L), HPLC #Cat.187
  • Water (4L), HPLC #Cat.119
LC-MS grade

ตัวอย่างรายการสินค้า

  • Acetonitrile, LC-MS (4L) #Cat.3040
  • Methanol, LC-MS (4L)  #Cat.3041
  • Water, LC-MS (4L) #Cat.3042
Pesticide grade

ตัวอย่างรายการสินค้า : มีสต็อคพร้อมจัดส่ง

  • Acetone, Pesticide (4L) #Cat.518
  • Acetonitrile, Pesticide (4L) #Cat.1791
  • Dichloromethane, Pesticide (4L) #Cat.580
  • Ethyl Acetate, Pesticide (4L) #Cat.11
  • Ethyl Ether, Ethanol, Pesticide (4L) #Cat.567
  • n-Hexane 95%, Pesticide (4L) #Cat.821
  • Methanol, Pesticide (4L) #Cat.63
  • n-Pentane, Pesticide (4L) #Cat.1576
  • Toluene, Pesticide (4L) #Cat.184

Veterinary Drugs Reference Standards

Veterinary Drugs Reference Standards

สารมาตรฐานสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมยาทางด้านสัตวแพทย์

กลุ่มสารตัวอย่างได้แก่

  • Clenbuterol : ชื่อทางการค้าคือ ไดลาเทรอล (Dilaterol), สปิโรเพนท์ (Spiropent) เป็นสารออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ถูกใช้เป็นยาขยายหลอดลมและยาลดอาการคัดจมูก ผู้ป่วยโรคหืดมักใช้เคลนบิวเทรอลเพื่อช่วยทำให้หายใจได้ง่ายมากขึ้น

  • Malachite Green : เป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ เป็นสารต้องห้ามที่สำคัญที่ทาง สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป กำหนดให้ห้ามพบตกค้างในสัตว์น้ำเพาะเลี้ยงและผลิตภัณฑ์ ยาชนิดนี้ มีชื่อทางตลาดอื่นๆ เช่น วิคทอเรีย กรีน (Victoria Green),แอนิลีน กรีน (Aniline Green), เบนซัลดีไฮด์ กรีน (Benzaldehyde Green) ,ไชน่ากรีน (China Green) , ไดมอนด์ กรีน (Diamond Green) , บริลเลี่ยน กรีน (Brilliant Green)

  • Sulfonamides : เป็นกลุ่มยาที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (UTIs) และโรคหลอดลมอักเสบ (bronchitis)

  • Beta-receptor Agonists : กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้น adrenergic receptors โดยตรง

  • Penicillins : กลุ่มยาที่มักใช้ในการรักษาในการติดเชื้อจากแบคทีเรีย

  • Quinolones : เป็นกลุ่มยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะของมนุษย์ จากนั้นได้มีการสังเคราะห์ยารุ่นที่ 2, 3, 4, ตามมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการพัฒนาการของเชื้อที่มีความต้านทานหรือเชื้อดื้อยา

  • Cephalosporins : กลุ่มยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย มีคุณสมบัติคล้ายกับยาเพนิซิลิน คือช่วยกำจัดแบคทีเรียโดยยับยั้งกระบวนการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย

  • Tetracyclines :  เป็นยาปฏิชีวนะระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย รักษาโรคติดเชื้อในท่อทางเดินปัสสาวะรักษาลำไส้อักเสบ หลอดลมอักเสบ รักษาโรคบิดมีเชื้อ รักษาแผล ฝี หนอง อาการอักเสบต่าง ๆ เนื่องจากการติดเชื้อ

Natural Products Reference Standards

Natural Products Reference Standards

สารมาตรฐานสำหรับทดสอบสารที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ

ตัวอย่างสารเคมีกลุ่มนี้ ได้แก่

  • Salidroside  ( CAS No. 10338-51-9 )
  • Quercetin    ( CAS No. 117-39-5 )
  • Arbutin        ( CAS No. 497-76-7 )
  • 1-Deoxynojirimycin    (CAS No. 19130-96-2 )
  • Cytisine       ( CAS No. 485-35-8 )
  • Astragaloside   ( CAS No. 17429-69-5 )
  • Piperine       ( CAS No. 94-62-2 )
  • และมีสารอื่นๆ อีกหลากหลาย ซึ่งท่านสามารถดูเพิ่มเติมได้จากแค็ตตาล็อก

Food Reference Standards

Food Reference Standards

สารมาตรฐานสำหรับทดสอบทางอุตสาหกรรมอาหาร

ตัวอย่างกลุ่มสินค้า ได้แก่

  • Food Additives : วัตถุเจือปนในอาหาร
  • Amino acids (Organic acid) : กรดอะมิโน (กรดอินทรีย์)
  • Fatty acid and Ester : กรดไขมันและเอสเทอร์
  • Unsaturated Fatty acids and Esters : กรดไขมันไม่อิ่มตัวและเอสเทอร์
  • Vitamin : วิตามิน
  • Aflatoxin : อะฟลาทอกซิน สารพิษที่ผลิตจากเชื้อรา
  • Chemical Stain : สีย้อมเคมี

Environmental Reference Standards

Environmental Reference Standards

สารมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมทั่วไป

ตัวอย่างรายการสินค้า ได้แก่

  • Amines : เอมีน หลายชนิดใช้ผลิตสารกำจัดแมลง สารกำจัดวัชพืช ยาฆ่าเชื้อ ยา สีย้อม สบู่ เครื่องสำอางต่างๆ เอมีนที่เป็นอัลคาลอยด์ พบในส่วนต่าง ๆ ของพืชบางชนิด เช่น เมล็ด เปลือก ใบ ราก 
  • Surface Water Standards : สารมาตรฐานสำหรับทดสิบน้ำผิวดิน
  • PAHs : กลุ่มสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์หรือการสลายทางเคมีของสารอินทรีย์โดยความร้อน เชื้อเพลิง จากถ่านหิน ไม้และสารอินทรีย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้เกิด aromatic compounds ได้ทั้งสิ้น
  • Volatile Organic Compounds : สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย
  • Ethers : พบมากในธรรมชาติจากสัตว์และพืช เช่น น้ำมันพืช กลิ่นหอมจากดอกไม้ กลิ่นแมงดาทะเลและกลิ่นที่สังเคราะห์ขึ้น จึงนิยมใช้สารแต่งกลิ่นอาหาร ทำน้ำหอม เป็นตัวทำละลาย เช่น น้ำมันขัดเงา น้ำยาล้างเล็บ บางชนิดเป็นยาบรรเทาอการปวดเมื่อย เช่น น้ำมันระกำเป็นยาที่ใช้ระงับปวด เช่น แอสไพริน และยังใช้เอสเทอร์ในอุตสาหกรรมผลิตเส้นใยสังเคราะห์ด้วย
  • Ketones : คีโตนที่ใช้มาก ได้แก่ โพรพาโนน (propanone : CH3COCH3) มีชื่อสามัญคือแอซีโตน (acetone) เป็นคีโตนที่มีจำนวนอะตอม C น้อยที่สุด เป็นของเหลวใสไม่มีสี มีกลิ่นอ่อน ๆ ระเหยง่าย ละลายในน้ำได้ดี จึงใช้เป็นตัวทำละลายพลาสติกและแลกเกอร์
  • Aldehydes :  แอลดีไฮด์ที่พบในธรรมชาติส่วนใหญ่เป็นน้ำมันหอมระเหย และสารที่มีกลิ่นหอมในผลไม้หรือพืชต่าง ๆ จึงนำมาใช้เป็นสารปรุงแต่งรสและกลิ่นของอาหาร ใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมพอลิเมอร์สำหรับผลิตสิ่งทอ ฉนวน พรม วัสดุที่ใช้แทนไม้ และใช้เป็นตัวทำละลายพลาสติก ฟอร์มาลินมีพิษ ทำให้ระคายเคืองตา จมูก ผิวหนัง ปวดศีรษะและมึนงงได้

Pesticide Residue Reference Standards

Pesticide Residue Reference Standards

สารมาตรฐานสำหรับทดสอบสารตกค้าง

ตัวอย่างกลุ่มสินค้าที่มีจำหน่าย

  • Insecticides : สารเคมีที่ใช้ในการกำจัดแมลง
  • Bactericides : สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อแบคทีเรีย
  • Mite Killing Agaent (Acaricides) : สารกำจัดไร
  • Herbicide and Herbicide Antidotes : สารเคมีกำจัดวัชพืช (ยาฆ่าหญ้า)
  • Plant Growth Regulators : สารควบคุมการเติบโตของพืช

Hot Spot Reference Standards

Hot Spot Reference Standards

Product Highlight สารมาตรฐานเด่น ! ของแต่ละอุตสาหกรรม จากแบรนด์ CATO ที่ได้เลือกสรรมาให้ท่าน

ตัวอย่างรายการสารมาตรฐานเด่น ได้แก่

 

Optima® LC-MS

Optima® LC-MS

สารละลายที่มีความบริสุทธิ์ขั้นสูงสุด ถูกพัฒนาขึ้นพิเศษสำหรับการวิเคราะห์ด้วยเครื่อง LC-MS (Liquid Chromatography - Mass Spectrometry) โดยเฉพาะ

  • ระดับสารเจือปนหรือโลหะหนักเจือปนอยู่ในระดับต่ำมาก เพียงระดับ ppb (part per billion) เท่านั้น

UHPLC Gradient Grade

UHPLC Gradient Grade

สารละลายความบริสุทธิ์สูงสำหรับเครื่อง UHPLC (Ultra High Performance Liquid Chromatography)  ถูกพัฒนาให้สัญญาณรบกวนอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่ส่งผลรบกวนต่อกระบวนการวิเคราะห์แม้จะถูกนำไปใช้ในช่วงความยาวคลื่นต่ำๆที่  210nm และ 254 nm

  • สารละลายผ่านการกรองที่ระดับ 0.1 µm มาแล้ว เพื่อให้สารเจือปนอยู่ในระดับต่ำสุดช่วยถนอมคอลัมน์กรองสารของเครื่อง UHPLC ให้อายุใช้งานนานขึ้น

Certified Advanced HPLC Gradient grade

Certified Advanced HPLC Gradient grade

สารละลายสำหรับการวิเคราะห์กับเครื่อง HPLC ด้วยเทคนิค Gradient analysis

  • ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเส้น baseline จะมีการขยับตัวน้อยมาก ( very low level of baseline drift)
  • มีกราฟแสดงผล absorbance curve ของล็อตการผลิตนั้นๆระบุไว้บนฉลากสินค้า

HPLC Fluorescence

HPLC Fluorescence

สารละลายสำหรับเครื่อง HPLC ที่มีตัวจับสัญญาณ เป็น Fluorescence และ UV detector.

  • Guaranteed for low fluorescence between 250nm and 750nm emission & excitation wavelengths.

HPLC Electrochemical

HPLC Electrochemical

สารละลายสำหรับเครื่อง HPLC ที่มีตัวจับสัญญาณ เป็น Electrochemical และ UV detector.

  • Guaranteed for low electrochemical activity. Low UV absorbance/ high transmission.
  • มีค่าการวิเคราะห์และ Absorbance curve ของล็อตการผลิตนั้นๆระบุบนฉลากข้างขวด

Gel Permeation Chromatography (GPC)

Gel Permeation Chromatography (GPC)

สารเคมีสำหรับเทคนิควิเคราะห์แบบ Gel Permeation Chromatography (GPC)

  • กรองผ่านที่ระดับ 0.2µm   
  • ปริมาณน้ำ, สารตกค้าง และสีเจือปนต่ำ

Distol

Primar Plus® Grade

Primar Plus® Grade

กรดบริสุทธิ์สูงสำหรับงานวิเคราะห์ตรวจสารโลหะหนัก Trace metal analysis

  • ทดสอบพารามิเตอร์มากถึง 40 ค่า ที่ ระดับ ppb (part per billion)

Dried Distilled

Dried Distilled

สารที่มีปริมาณน้ำในระดับที่ต่ำมาก เหมาะสำหรับงานวิเคราะห์ Organic Synthesis

For Analysis

For Analysis

สารเคมีเกรด Certified AR เพื่อการวิเคราะห์ เชิงคุณภาพ (Qualitative analysis) และเชิงปริมาณ (Quantitative analysis) หรือบางยี่ห้อเรียกว่าเกรด GR

  • ทดสอบพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องถึง 18 ค่า มีผลการวิเคราะห์ ของล็อตการผลิตนั้นๆบนฉลาก ง่ายต่อการอ้างอิงข้อมูล

For Analysis Conform Eur.Ph

For Analysis Conform Eur.Ph

สารเคมีเพื่อการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ เกรด Certified AR ที่สเป็คสินค้าผลิตให้สอดคล้องตรงตามมาตรฐาน Pharmacopoeia ของประเทศสากลต่างๆ เช่น มาตรฐาน BP, EP และ USP 

  • ทดสอบพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องถึง 18 ค่า มีผลการวิเคราะห์ ของล็อตการผลิตนั้นๆระบุบนฉลาก

Specified Laboratory Reagents (SLR)

Specified Laboratory Reagents (SLR)

สารเคมีเกรดแล็บเพื่อการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน เชิงคุณภาพ

  • ใช้ในงานวิเคราะห์ทั่วไป  พารามิเตอร์ที่ทดสอบมากถึง 13 ค่า

Buffers

Buffers

สารละลายพีเอชบัฟเฟอร์ (pH Buffers) มีทั้งแบบมีสีและไม่มีสี

  • มีทั้งแบบพร้อมใช้เป็นขวดและแบบเข้มข้นบรรจุมาในหลอด ampoule ที่ต้องไปเตรียมต่อเอง
  • สอบกลับได้มาตรฐานNIST ค่าเบี่ยงเบน (accuracy factor) อยู่ในช่วงแคบเพียง  ±0.02pH ที่  20oC

Karl Fischer – Aqualine

Karl Fischer – Aqualine

สารเคมีสำหรับใช้กับเครื่องมือ Karl Fischer Titrator

  • ตรวจหาปริมาณน้ำในสารตัวอย่าง มี ทั้งใช้กับการวิเคราะห์ แบบ Volumetric และ Coulometric titration
  • ปราศจากสารอันตราย Pyridine ทุกตัว

Volumetric Solution

Volumetric Solution

สารละลายเตรียมที่ความเข้มข้นระดับต่างๆ พร้อมใช้งาน

  • ประหยัดเวลา สะดวกต่อการใช้งาน
  • สอบกลับได้มาตรฐานของ NIST   (Accuracy Factor of 0.999-1.001)

Your source for high purity products

for nucleic acid electrophoresis

 

Convenience, Quality and Consistency

Anhydrous Solvents 

กลุ่มสารละลายที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานวิเคราะห์ที่ไวต่อความชื้น (moisture-sensitive) รวมไปถึง การสังเคราะห์สารอินทรีย์ (Organic synthesis) โลหะอินทรีย์ (Organometallic), โอลิโกนิวคลีโอไทด์ (Oligonucleotide) และงานด้านเคมีเชิงกล (Combination Chemistry)

                โดยมี Water content < 10ppm to < 50ppm  มีสารตกค้างต่ำ (low Residue)   ทำให้นักเคมีไม่จำเป็นต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำให้สารละลายมีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น(Extra purification) และทำให้สารละลายมีปริมาณน้ำต่ำเป็นพิเศษ (Drying steps)

 

Product Range of Anhydrous Solvents

Chromasolv™ : High Purity Solvents

 

 

Every solvent you need

Because purity is non-negotiable, you can trust CHROMASOLV™ solvents from Honeywell to provide the accurate results you expect. With over 100 dedicated solvents and blends, expertly manufactured with the purity and consistency required for LC-MS, HPLC and GC methods, we’re committed to ensuring your analysis is in the safest hands.

 

กลุ่มสารละลายความบริสุทธิ์สูง สำหรับงานวิเคราะห์ต่างๆ เช่น  เทคนิคการแยกสารและตรวจวิเคราะห์เชิงปริมาณสำหรับตัวอย่างที่เป็นของเหลว (Liquid Chromatography; LC), เทคนิคที่ใช้ในการแยกสารโดยมีเฟสเคลื่อนที่เป็นแก๊ส (Gas Chromatography), การตรวจวัดปริมาณแสงและค่า intensity ในช่วงแสงต่างๆ (Spectrophotometry)  และ การวิเคราะห์สารฆ่าแมลงตกค้าง (Pesticide Residue analysis)  เป็นกลุ่มสินค้าเด่นและขายดีมากทั่วโลก  สารกลุ่มนี้มักจะถูกเรียกว่าเป็นกลุ่ม  CHROMASOLV™​  ซึ่งใช้กับงานวิเคราะห์ขั้นสูงดังกล่าว

 

คุณสมบัติพิเศษ

  • มีความบริสุทธิ์สูงมาก, มีความเสถียร และสินค้ามีความสม่ำเสมอ ทุกล็อตการผลิต
  • ได้รับการรับรองความบริสุทธิ์ตรงตามมาตรฐาน ACS (American Chemical Society)
  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 (ข้อกำหนดในการบริหารจัดการคุณภาพ), ISO 14001 (ข้อกำหนดสากลสำหรับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) และ IATF 16949:2016 (ข้อกำหนดด้านระบบการจัดการคุณภาพ (QMS) ในอุตสาหกรรมยานยนต์)
  • มีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย : 1L, 2.5L, 2L, 1L, 500ml, 250ml, 235ml, 100ml, 15ml

 

สารละลายความบริสุทธิ์สูงกลุ่มนี้ ยังสามารถแบ่งออกได้เป็นอีก 5 เกรดย่อย ตามความบริสุทธิ์และคุณสมบัติเฉพาะ รวมถึงการใช้งานด้านเฉพาะต่างๆ ซึ่งได้แก่

 

1. HPLC : สารละลายกลุ่มนี้ได้รับการทดสอบตามข้อกำหนดที่เข้มงวด เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าสารละลายมีความเหมาะสมสำหรับงานวิเคราะห์ทั่วไป ด้วยเทคนิค HPLC (High-Performance Liquid Chromatography)

    Chromasolv กลุ่มนี้มีแบ่งได้เป็น 2 เกรด สำหรับงานวิเคราะห์ด้วยเทคนิค HPLC ได้แก่

     1.1 Chromasolv HPLC

  • For HPLC and organic synthesis : สำหรับงานเทคนิค HPLC และการสังเคราะห์สารอินทรีย์
  • High-purity, multipurpose solvents : เป็นสารละลายความบริสุทธิ์สูงที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย
  • High lot-to-lot consistency : มีความสม่ำเสมอทุกล็อตการผลิต

     1.2 Chromasolv Plus

  • For HPLC, spectrophotometry, and environmental analysis : สำหรับงานเทคนิค HPLC, spectrophotometry และงานวิเคราะห์ทางด้านสิ่งแวดล้อม
  • Tested for HPLC-suitability via gradient analysis and UV-VIS spectroscopy : ผ่านการทดสอบความเหมาะสมด้วยวิธี gradient analysis และ UV-VIS spectroscopy 
  • Low UV impurity profile : มีการปนเปื้อน UV ที่ระดับต่ำ
  • Very low levels of non-volatile impurities : มีสารปนเปื้อนชนิด non-volatile ที่ระดับต่ำ

--------------

2. HPLC Gradient : สารละลายความบริสุทธิ์สูงกลุ่มนี้ได้รับการทดสอบความเหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค HPLC gradient  สำหรับการใช้งานทั่วไป 

     2.1 Chromasolv gradient grade

  • Same high quality as Chromasolv HPLC : มีคุณภาพสูงเหมือนกันกับ เกรด Chromasolv HPLC
  • Additional testing for HPLC via gradient analysis and UV-VIS spectroscopy : มีการทดสอบเพิ่มเติมสำหรับ HPLC ผ่านการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค gradient analysis และ UV-VIS spectroscopy

--------------

3. GC and GC Headspace : สารละลายกลุ่มนี้ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับงานวิเคราะห์ GC และ GC headspace รวมไปถึงงานการวิเคราะห์ volatile organics, สารตกค้างยาฆ่าแมลง (pesticide residues), dioxins, furans และ PCB.

      3.1 Chromasolv GC headspace

  • For GC headspace applications : สำหรับใช้งานเทคนิค GC headspace
  • Meets USP, Ph. Eur. and ICH requirements : เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานของ USP, Ph. Eur. และ ICH
  • GC headspace application tested : ผ่านการทดสอบการใช้งาน GC headspace
  • Packed under inert gas for longer shelf life : มีการบรรจุภายใต้ก๊าซเฉื่อย เพื่อยืดอายุการใช้งาน

     3.2 Chromasolv residue analysis of pesticides

  • For gas chromatography (GC) : สำหรับงานวิเคราะห์ด้วยเทคนิค gas chromatography (GC)
  • Developed especially for the application in residue analysis of pesticides and other low-volatile substances using GC : มีการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับการวิเคราะห์สารตกค้างจากสารกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลง และสารระเหยอื่นๆ โดยการใช้เทคนิค GC
  • Non-volatile matter and water content are specified for each solvent : Non-volatile matter และ water content มีการระบุไว้สำหรับสารละลายแต่ละตัว

--------------

4. LC-MS and UHPLC : สารละลายความบริสุทธิ์สูงนี้ สำหรับงานวิเคราะห์ที่ต้องการสารคุณภาพสูงที่สุดเพื่อการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค LC-MS หรือ UHPLC-MS โดยได้รับการทดสอบการใช้งาน LC-MS ด้วยวิธี reserpine test เพื่อให้มั่นใจว่ามีสิ่งเจือปนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก (เช่น alkaline และ metal ions, particles, non-volatile compounds) สำหรับสเปกตรัมที่มีความไวสูงและรักษาความสมบูรณ์ของระบบ

     4.1 Chromasolv LC-MS

  • For LC-MS and LC-UV trace metals analysis : สำหรับงานวิเคราะห์  LC-MS และงานวิเคราะห์ LC-UV trace metals
  • HPLC / UV-VIS quality control : การควบคุมคุณภาพ HPLC / UV-VIS
  • Low levels of trace metals : มีโลหะเจือปนในระดับต่ำ
  • No non-volatile impurities : ไม่มีสิ่งเจือปนชนิด non-volatile

     4.2 Chromasolv LC-MS Ultra

  • For the most demanding LC-MS and UHPLC applications : สำหรับงานวิเคราะห์เทคนิค LC-MS และ UHPLC
  • Tested for UHPLC-MS suitability : ผ่านการทดสอบสำหรับความเหมาะสมของ UHPLC-MS
  • Highest solvent purity for low detection limits
  • Extremely low MS baseline noise : มีสิ่งรบกวน baseline ต่ำอย่างมาก
  • Low levels of trace metals : มีสารเจือปนในระดับต่ำ
  • Packaged in clear borosilicate glass bottles : บรรจุในขวดแก้วโบโรซิลิเกตใส

 

 

Chromasolv™ : High Purity Solvents

ดูรายการสารเคมีกลุ่ม Chromasolv™ ได้ที่นี่

Chromasolv™ - High Purity Grade Solvents for Chromatography Applications

เกรดสารละลายความบริสุทธิ์สูง แยกตามคุณสมบัติและลักษณะการใช้งาน

Chromasolv™ Grade for HPLC

ระดับความบริสุทธิ์ของ Chromasolv™ Grade สำหรับเกรด HPLC

Chromasolv™ Technical Features

คุณสมบัติทางเทคนิคของสารละลายกลุ่ม Chromasolv™ ที่ใช้กับเครื่องมือวิเคราะห์ HPLC, LC-MS และ UHPLC-MS

GC and Spectroscopy solvents Chromasolv™

คุณสมบัติทางเทคนิคของสารละลายกลุ่ม Chromasolv™ เกรด GC และ Spectroscopy

TraceSELECT™ Solvents

 

 

ตัวทำละลาย TraceSELECT™
ตัวทำละลายบริสุทธิ์สูงสำหรับการวิเคราะห์ เทคนิค LC-ICP-MS 
เป็นรีเอเจนต์ที่มีความบริสุทธิ์สูงสำหรับการเตรียมตัวอย่าง (Sample Preparation) และการวิเคราะห์ตัวอย่าง (Analysis)

 

กลุ่มผลิตภัณฑ์ Honeywell TraceSELECT ™ ประกอบด้วยกรดความบริสุทธิ์สูง, เบส, ตัวทำละลายและเกลือที่ออกแบบมาสำหรับการวิเคราะห์สารในระดับปริมาณน้อย (trace and ultra-trace analysis)

การเตรียมตัวอย่างสำหรับการใช้งานการวิเคราะห์สารอนินทรีย์นั้น จำเป็นต้องใช้รีเอเจนท์ที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะต้องเป็นรีเอเจ้นท์มีโลหะที่ต่ำมาก ระดับ ppb เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เกิดการผิดพลาด

รีเอเจนท์ของเรา มีกระบวนการทำให้บริสุทธิ์อย่างเข้มงวดด้วยการทดสอบ  UV spectroscopy, IC และ ICP-MS เพื่อให้มั่นใจถึงความบริสุทธิ์ทางเคมีและการส่งผ่านรังสียูวีที่ระดับสูง (high chemical purity and high UV transmittance) ได้รับการจัดการภายใต้สภาพห้องปฏิบัติการที่สะอาดและบรรจุในขวดที่ทนทานต่อการรั่วซึมคุณภาพสูงเพื่อให้แน่ใจว่ารีเอเจ้นท์จะยังมีความบริสุทธิ์ในระยะยาว ใบรับรองการวิเคราะห์แสดงรายการโลหะและไอออนได้สูงสุด 80 รายการ

ดูรายการรีเอเจ้นท์ Honeywell Riedel-de Haen TraceSELECT ™ ได้ที่นี่

 

TraceSELECT™ Solvents

กลุ่มสารละลายที่มีโลหะเจือปนต่ำมาก (Trace and low-metal content analysis)

Pharmacopeia Solvents

สารละลายที่ออกแบบมาเพื่อให้ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดทางเภสัชกรรมที่หลากหลาย ที่กำหนดขึ้นในแต่ละประเทศหรือทวีปนั้นๆ หรือ สารละลายที่ใช้ในงานด้านอุตสาหกรรมยาที่ผลิตตามข้อกำหนดทางเภสัชกรรม โดยสารละลายกลุ่มนี้มีเกรดหลากหลายให้เลือกใช้

Pharmacopeia Solvents

HYDRANAL™

The original Karl Fischer Titration Reagents (ต้นกำเนิดแห่งรีเอเจ้นท์สำหรับการไตเตรทด้วย Karl Fischer)

ผลิตภัณฑ์ Hydranal ™ นั้นเป็นกลุ่มสารเคมีคุณภาพระดับพรีเมียม สำหรับใช้ในการไตเตรทด้วยวิธี Karl Fischer  ในงานวิเคราะห์ปริมาณน้ำ (Water Content) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของไพริดีน (pyridine-free) และคุณสมบัติที่พิเศษกว่าแบรนด์อื่นเพิ่มมา คือ Hydranal ™ มีแบบที่ใช้ ethanol เป็นตัวทำละลาย แทน methanol ที่ใช้กันโดยทั่วไป ซึ่งสารกลุ่มที่ใช้ ethanol แทนนี้ จะสามารถเป็นกลุ่มสินค้าทางเลือกให้กับผู้ใช้งานที่คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของงานวิเคราะห์เป็นสำคัญด้วย

โดยสามารถแบ่ง Hydranal™ ออกเป็น 4 กลุ่ม ตามลักษณะการใช้งานได้ดังนี้

  1. Coulometry
  2. Volumetry
  3. Water Standards
  4. Auxiliaries for Karl Fischer Titration

Download โบรชัวร์ได้ที่นี่

 

 

1. Coulometric KF Titration

Coulometry  คือ เทคนิคการวิเคราะห์หาปริมาณน้ำด้วยวิธีทางไฟฟ้าเคมีวิธีหนึ่ง อาศัยการสร้างไอโอดีน โดยใช้ปฏิกิริยา Oxidation ที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ เทคนิคนี้ จะมีการใช้ Reagent 2 ชนิด คือ อะโนไลท์ (Anolyte) และ คะโทไลท์ (Catholyte)

ผลิตภัณฑ์สำหรับทำหน้าที่เป็น  Anolyte เช่น Hydranal-Coulomat A-type และ E-type  ซึ่งสารประเภท Anolyte จะประกอบไปด้วย iodine และ sulfur dioxide/imidazole buffer ในตัวทำละลายที่เหมาะสม

  • Hydranal-Coulomat A-type : สำหรับใช้กับเซลล์ชนิดที่มีไดอะแฟรม กับสารตัวอย่างทั่วๆไป
  • Hydranal-Coulomat E-type (based on ethanol) : สำหรับใช้กับเซลล์ชนิดที่มีไดอะแฟรม และช่วยในเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากการใช้ ethanol แทนการใช้ methanol

ผลิตภัณฑ์สำหรับทำหน้าที่เป็น  Catholyte

  • Hydranal-Coulomat CG : Catholyte ที่ใช้ไตเตรทสารตัวอย่างทั่วๆ ไป
  • Hydranal-Coulomat CG-K : Catholyte สำหรับการไตเตรทตัวอย่างสารที่มีคีโตนเป็นองค์ประกอบ

Coulometric reagents แต่ละชนิดนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบตัวทำละลายที่แตกต่างกัน สำหรับให้เหมาะสมกับการวิเคราะห์ตัวอย่างที่มีหลากหลายประเภท เช่น Hydranal-Coulomat Oil : ซึ่งประกอบด้วย methanol, xylene และ chloroform จึงเหมาะสำหรับใช้ไตเตรทในตัวอย่างประเภทน้ำมัน , Hydranal-Coulomat AK สำหรับการไตเตรทตัวอย่างสารที่มีโตนเป็นองค์ประกอบ

 

ข้อดีของ HYDRANAL Coulomatric reagents

  • Easy to use : ง่ายต่อการใช้งาน
  • High accuracy for trace amounts of water : มีความแม่นยำสูงสำหรับการวิเคราะห์น้ำปริมาณโลหะในน้ำ : 
  • Broad product range : มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย
  • Long shelf life (up to five years) : มีอายุการใช้งานที่นาน (มากกว่า 5 ปี)

 

รายการที่ทางบริษัทฯ ทำสต็อคสินค้าพร้อมส่ง มีดังต่อไปนี้

ดูรายการสินค้า Coulometric KF Titration เพิ่มเติม ได้ที่นี่ >>

2. Volumetric KF Titration

Volumetry  คือ เทคนิคที่ใช้การเติมน้ำยาที่มีส่วนผสมของไอโอดีนโดยใช้บิวเรตต์ลงไป สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ตามส่วนประกอบคือ Volumetric One-Component Titration (นิยมใช้) และ Volumetric Two-Component Titration

 

2.1 Volumetric One-Component Titration  ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ Titrating agent และ Media

        Hydranal-Composite หรือเรียกอีกอย่างว่า Titrating Agent หรือสารไตเตรท เป็นรีเอเจ้นท์ชนิด pyridine-free ที่นิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสถียรและกำจัดการก่อตัวของผลึก ที่จะไปมีผลหรือรบกวนต่อประสิทธิภาพของเครื่องไตเตรทได้ มีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน

  • Hydranal-Composite 5    : ใช้กับวิเคราะห์สารตัวอย่างทั่วๆไป 
  • Hydranal-Composite 5K : Titrating ชนิดพิเศษที่เหมาะสำหรับใช้วิเคราะห์สารตัวอย่างที่ทำปฏิกิริยากับ Ketone และ Aldehyde

              

        Media เป็นรีเอเจ้นท์ที่จะถูกเลือกใช้ตามคุณสมบัติการละลายของสารตัวอย่างที่เราทำการวิเคราะห์ ซึ่งในปัจจุบัน media ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ dry methanol เนื่องจากจะช่วยลดค่าความคลาดเคลื่อนลงได้ 

        ตัวอย่าง Media ได้แก่

  • Hydranal-Methanol Rapid containing accelerators : มีตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อเร่งการไตเตรทให้ถึงจุด end point ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  • Hydranal-CompoSolver E (E-type) : ใช้ในกรณีที่ต้องการตัวทำละลายที่มีความเป็นพิษน้อย ซึ่งเป็นการใช้ Ethanol แทน Methanol ที่มักใช้กันโดยทั่วไป
  • Hydranal-Solvers (premixed) : มักใช้กับตัวอย่างที่ไม่มีขั้ว เช่น น้ำมัน ไขมัน สารประกอบอินทรีย์ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ละลายได้ไม่ดีใน methanol และจึงต้องมีตัวเพิ่มการละลายเข้าไป
  • Hydranal-K Media : สำหรับสารประกอบที่ทำปฏิกิริยากับ methanol เช่น ketone และ aldehyde

 

2.2 Volumetric Two-Component Titration  ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ Hydranal-Titrant และ Hydranal-Solvent

  • Hydranal-Titrant ประกอบด้วยไอโอดีนที่ละลายใน Alcohol ที่มีความเข้มข้นแน่นอน
  • Hydranal-Solvent ประกอบด้วย sulfur dioxide และ imidazole

       วิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนำมาใช้ในการวิเคราะห์มากนัก เมื่อเทียบวิธีแบบ Volumetric One-Component Titration

 

รายการสินค้าที่ทางบริษัทฯ ทำสต็อคพร้อมส่ง มีดังต่อไปนี้

ดูรายการสินค้า Volumetric KF Titration เพิ่มเติม ได้ที่นี่ >

3. Water Standards

Water Standards  (Titer Standardization and Instrument Inspection )

        Hydranal-Water Standards ได้รับการออกแบบสำหรับใช้ในงานการสอบเทียบ การตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องมือวิเคราะห์หรือเครื่องมือวิเคราะห์  ซึ่ง Water Standards นี้มีทั้งแบบธรรมดาและแบบ CRM (Certified Reference Material : วัสดุอ้างอิงรับรอง) ได้รับการรับรอง มาตรฐาน ISO/IEC 17025 และ ISO Guide 34 

 

HYDRANAL™ - CRM Water Standards : ใบรายงานผลค่าวิเคราะห์หรือ COA จะรายงานค่าดังต่อไปนี้

  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 17025, ISO Guide 34
  • Certified Water Content : มีรายงานค่าปริมาณน้ำ
  • Uncertainty    : ค่าความไม่แน่นอนของการวัด
  • Homogineity  : ความเป็นเนื้อเดียวกัน
  • Stability         : การทดสอบความเสถียรภาพ
  • Lot related Production date : วันผลิต
  • Expiry date : วันหมดอายุ
  • ดูตัวอย่าง COA CRM Water Standards >  โดยจะมีการรายงานค่าวิเคราะห์ที่ละเอียดกว่า Water Standards ที่ไม่ได้ CRM

 

       รายการที่ทางบริษัทฯ ทำสต็อคสินค้าพร้อมส่ง  

       ดูรายการสินค้า CRM Water Standards อื่นๆ เพิ่มเติม > 

 

HYDRANAL™ -  Water Standards ที่ไม่ใช่ CRM : ใบรายงานผลค่าวิเคราะห์หรือ COA จะรายงานค่าดังต่อไปนี้ 

  • ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 17025 
  • Certified Water Content : มีรายงานค่าปริมาณน้ำ
  • QC release date : วันที่มีการทดสอบค่าต่างๆ ในใบ Cer. เพิ่มเติม
  • Expiration date : วันหมดอายุ
  • ดูตัวอย่าง COA Water Standards > จะมีการรายงานค่าการวิเคราะห์ที่น้อยกว่าแบบ CRM

 

       รายการที่ทางบริษัทฯ ทำสต็อคสินค้าพร้อมส่ง ได้แก่

       ดูรายการสินค้า Water Standards เพิ่มเติม ได้ที่นี่ >>

4. Auxiliaries for Karl Fischer Titration

Auxiliaries for Karl Fischer Titration  คือ สารที่ช่วยในการไตเตรท Karl Fischer สามารถแบ่งได้เป็น  4 กลุ่ม ดังนี้

  • Solubilizers : เป็นกลุ่มสารคอยปรับสภาพการทำงานของการไตเตรท
  • Buffers         : ปฏิกิริยา Karl Fischer ขึ้นอยู่กับค่า pH เช่นเดียวกัน โดยค่าช่วงค่า pH ที่เหมาะสมคือที่ 5-7.5 
  • Drying agents : เพื่อปกป้องสภาพแวดล้อมการทำงานของ Karl Fischer จากความชื้น
  • Moisture Test Kit : ชุดทดสอบความชื้น ใช้สำหรับการวัดตรวจวัดแบบหยาบที่ไม่ต้องใช้เครื่องไตเตรท

 

ดูรายการสินค้า Auxiliaries for Karl Fischer Titration เพิ่มเติม ได้ที่นี่

Acids & Bases & Salts

      กลุ่มสารประเภทกรด, เบสและเกลือ คุณภาพระดับพรีเมียม ที่ได้รับการออกแบบ สำหรับการใช้ในงานวิเคราะห์ที่หลากหลาย โดยมีให้เลือกใช้ตั้งแต่เกรดมาตรฐาน (Standard grade) ที่ใช้ในงานวิเคราะห์ทั่วไป จนถึงเกรดความบริสุทธิ์สูง (Ultra-pure grade) ซึ่งมักใช้ในการวิเคราะห์ที่เฉพาะทางหรือต้องการความถูกต้อง แม่นยำอย่างมาก

   

     

      ตัวอย่างเกรดสารเคมีกลุ่มนี้ : ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของงานวิเคราะห์

     - ACS Reagent : สารเคมีเกรด ACS คือสารเคมีที่มีความบริสุทธิ์สูง ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ American Chemical Society และในเอกสารรายงานผลค่าวิเคราะห์ (COA) จะมีรายงานค่าพารามิเตอร์ ประมาณ 8-10 ค่า เท่านั้น (ดูตัวอย่าง COA : B0394-1KG)

     - ACS Reagent, Reag. ISO, Reag. Ph. Eur. : คือสารเคมีเกรด ACS ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO และยังเป็นไปตามมาตรฐานทางเภสัชกรรมตำรับยาของสหภาพยุโรปอีกด้วย ( European Pharmacopoeia : Ph.Eur. ) ที่สำคัญเกรดนี้ ในเอกสารรายงานผลค่าวิเคราะห์ (COA) จะมีรายงานค่าพารามิเตอร์กว่า 20 ค่า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ (User) สามารถมั่นใจได้เลยว่าสินค้ามีโลหะหนักเจือปนในระดับที่ต่ำมาก และยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ตรวจสอบ (Auditor) ได้อีกด้วย  (ดูตัวอย่าง COA : 30721-2.5L-GL)

 

รายการสินค้า ที่ทางบริษัทฯ ทำสต็อคพร้อมส่ง (ดูรายการทั้งหมด)

 

Acids and Bases

Salts

ดูรายการสินค้า Acids, Base and Salts เพิ่มเติม ได้ที่นี่ >>

TraceSELECT™ and TraceSELECT Ultra  

 High Purity Reagents for Sample Preparation and Analysis

     สำหรับใช้ในงานเตรียมตัวอย่างและการวิเคราะห์ การเตรียมตัวอย่างสำหรับงานวิเคราะห์สารอนินทรีย์ (inorganic trace analysis) นั้นจำเป็นต้องใช้น้ำยาทดสอบหรือรีเอเจ้นท์ที่มีความบริสุทธิ์สูงที่สุด โดยรีเอเจ้นท์ดังกล่าว ต้องมีปริมาณโลหะเจือปนต่ำมากเพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะเกิดช่องว่างหรือความผิดพลาดที่ต่ำที่สุด

     สารกลุ่มนี้ถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในการวิเคราะห์ด้าน  trace metal และ ultra trace-analysis ในระดับ ppb และ ppt โดยได้รับการจัดการควบคุมภายใต้สภาพห้องปลอดเชื้อและขวดบรรจุภัณฑ์ที่มีความทนทานต่อการชะล้าง เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ถึงความบริสุทธิ์ของสารในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีใบรับรองผลค่าการวิเคราะห์ หรือ COA ที่มีการระบุค่าวิเคราะห์รายการโลหะและไอออนกว่า 80 รายการ

 

ตัวอย่างรายการสินค้า

 



HPLC / HPLC Gradient

สารละลายเกรด HPLC และ HPLC Gradient เป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง มีปริมาณโลหะเจือปนน้อย ใช้กับเครื่อง HPLC (High-Performance Liquid Chromatography) ในการเตรียมเฟสเคลื่อนที่หรือที่เรียกว่า “Mobile Phase” ทำหน้าที่เป็นสารละลายที่พาสารตัวอย่าง (Sample) เข้าสู่คอลัมน์ และทำการแยกองค์ประกอบของสารแต่ละตัวออกมา ตามลำดับ

เครื่อง HPLC เป็นเครื่องที่ใช้แยกสารผสมออกจากกัน โดยอาศัยความแตกต่างของอัตราการเคลื่อนที่และความสามารถในการละลายของสารที่เป็นองค์ประกอบในสารผสมผ่านเข้าไปในคอลัมน์ (เฟสคงที่; Stationary Phase) ภายใต้การพาของเฟสเคลื่อนที่ (Mobile Phase)  เช่น หากเราต้องการแยกสารผสม X ซึ่งมี A+B+C เป็นองค์ประกอบ การใช้เครื่องนี้วิเคราะห์นี้จะทำให้สารที่เป็นองค์ประกอบแต่ละตัวไหลออกมาในเวลาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการละลายของสารผสม คือ หากสารนั้นละลายได้ดีกับเฟสเคลื่อนที่ก็จะถูกแยกออกมาก่อน ส่วนสารที่ละลายได้ไม่ดีกับเฟสเคลื่อนที่ก็จะถูกแยกออกมาทีหลัง เมื่อสิ้นสุดการวิเคราะห์ จะทำให้เราทราบว่าสารผสม X นั้นมีสาร A,B และ C เป็นองค์ประกอบ อยู่อย่างละกี่เปอร์เซ็นต์  ยกตัวอย่างงานที่ใช้เทคนิคนี้ เช่น ใช้หา % ยาที่มีอยู่จริงในยา 1 เม็ด, ใช้หา % วิตามินซีที่มีในเม็ดยา เป็นต้น

กลุ่มลูกค้าที่ใช้สารละลาย HPLC กับ HPLC Gradient ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องดื่ม และ เครื่องสำอาง, มหาวิทยาลัย, ห้องปฏิบัติการทดสอบและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ (Lab service) เป็นต้น



GC Solvents (Pesticides)

แก๊สโครมาโตกราฟี (Gas Chromatography) เป็นเทคนิคที่ใช้ในการแยกสารโดยมีเฟสเคลื่อนที่เป็นแก๊ส และเฟสอยู่กับที่เป็นคอลัมน์ ดังนั้นตัวอย่างที่จะสามารถวิเคราะห์ด้วยเทคนิคนี้ได้จะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญคือ สามารถระเหยกลายเป็นไอได้ง่าย

ผลการวิเคราะห์ที่ได้จะเรียกว่า โครมาโทแกรม (Chromatogram) และเรียกส่วนที่แยกออกมาว่าพีค (Peak) ซึ่งแต่ละพีคจะบ่งบอกถึงจำนวนของสารผสมที่อยู่ในตัวอย่างได้  เราสามารถวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Quanlitative) ได้โดยการเปรียบเทียบเวลาที่สารถูกชะออกจากคอลัมน์ระหว่างสารมาตรฐานและตัวอย่าง  และสามารถวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative) ได้โดยใช้ขนาดสัญญาณที่ได้จากการวิเคราะห์ตัวอย่างไปเทียบกับสัญญาณของสารมาตรฐานเช่นเดียวกัน

ส่วนประกอบของเครื่องแก๊สโครมาโตกราฟี ได้แก่

1. แก๊สพา (Carrier gas) ทำหน้าที่ในการพาไอระเหยของสารตัวอย่างเข้าสู่คอลัมน์เพื่อให้เกิดการแยกและออกสู่ตัวตรวจวัดเพื่อบันทึกสัญญาณ แก๊สพาจึงควรเป็นแก๊สเฉื่อยและควรเปิดไว้ตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งาน
2. ส่วนฉีดสาร (Injector) ทำหน้าที่ในการระเหยตัวอย่างให้กลายเป็นไอ เราจะฉีดตัวอย่างเข้าเครื่องตรงบริเวณนี้ การตั้งค่าความร้อนควรเหมาะสมกับตัวอย่างที่ต้องการวิเคราะห์ ไม่มากหรือไม่น้อยเกิดไป
3. คอลัมน์ (Column) และ ตู้อบคอลัมน์ (Column Oven) ทำหน้าที่ในการแยกสาร เนื่่องจากตัวอย่างอยู่ในสถานะแก๊สดังนั้นคอลัมน์จึงต้องอยู่ในตู้ที่สามารถควบคุมความร้อนได้ป้องกันการควบแน่นของตัวอย่าง และการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมจะทำให้การแยกเกิดได้ดียิ่งขึ้นด้วย แต่คอลัมน์แต่ละชนิดทนความร้อนได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นก่อนใช้งานควรศึกษาคุณสมบัติของคอลัมน์ที่มีอยู่ให้เข้าใจก่อนเริ่มงานป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
4. ตัวตรวจวัด (Detector) ทำหน้าที่ในการตรวจวัดตัวอย่างที่ถูกแยกเรียบร้อยแล้วให้สามารถแปรผลได้ด้วยระบบไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ตัวตรวจวัดมีหลายชนิด ควรศึกษาคุณสมบัติของตัวตรวจวัดว่าเหมาะสมกับตัวอย่างหรือไม่ก่อนเริ่มทำการวิเคราะห์
5. ซอฟแวร์และคอมพิวเตอร์สำหรับการประมวลผล ทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์และประมวลผลการวิเคราะห์พร้อมทั้งรายงานผลการวิเคราะห์ได้ตามที่ต้องการ
 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

Sci Spec - มารู้จัก GC กันเถอะ
Web site: https://www.scispec.co.th/learning/index.php/blog/chromatography/9-2017-10-05-04-33-35



Standard Volumetric (Solution & Concentrated)

Analytical Volumetric Solutions สารละลายมาตรฐานเตรียมที่ความเข้มข้นต่างๆ ที่แน่นอนในรูปแบบสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ปริมาตรด้วยวิธีการไทเทรต สำหรับงานควบคุมคุณภาพกระบวนการผลิต (QC) หรืองานวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงส่วนงานวิเคราะห์อื่นๆ

Volumetric Analysis เป็นการวิเคราห์เชิงปริมาณโดยการวัดปริมาตร ซึ่งเป็นเทคนิค ที่นิยมใช้มากในการหาปริมาณของสารต่างๆ เช่น กรด เบส โลหะไอออนต่างๆ และสารอื่น ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายสำหรับการวิเคราะห์โดยปริมาตร คือ การไทเทรต (titration) โดยการนำสารละลายตวัอย่างมาทำปฏิกิริยาพอดีกับสารละลายมาตรฐาน ที่ทราบความเข้มข้นแน่นอน แล้ววัดปริมาตรของสารที่ใช้ทำปฏิกิริยาพอดีกับสารสะลายตัวอย่าง การวิเคราะห์ด้วยวิธีนี้จะใช้อุปกรณ์เครื่องแก้วพื้นฐานทั่วไป และให้ผลการเวิคราะห์ที่มีความถูกต้องและความแม่นยำสูง และใช้เวลาในการวิเคราะห์เร็ว

เทคนิคการวิเคราะห์นี้จะมีคุณลักษณะของการไทเทรตที่สำคัญดังนี้ จุดสมมูล จุดยุติ และการหาจุดยุติสารละลายมาตรฐาน หลักการวิเคราะห์โดยวิธีปริมาตร วิเคราะห์ชนิดของปฏิกิริยาเคมีที่ใช้ในวิธีปริมาตรวิเคราะห์และชนิดของการไทเทรตและการคำนวณทางปริมาตรวิเคราะห์ ซึ่งการวิเคราะห์โดยปริมาตรนิยมใช้ในการหาปริมาณสารที่ต้องการวิเคราะห์ในงานประจำมากกว่าการเวิคราะห์โดยน้ำหนัก เนื่องจากในกระบวนการวิเคราะห์สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและสะดวกกว่า แต่อาจจะมีความถูกต้องและความแม่นยำน้อยกว่าการวิเคราะห์โดยน้ำหนักบ้างเล็กน้อย นอกจากนี้การวิเคราะห์โดยปริมาตรยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ อย่างกว้างขวางในงานวิเคราะห์ทางด้านเคมีอุตสาหกรรม การเกษตรเภสัชกรรม สิ่งแวดล้อม เป็นต้น


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ - การวิเคราะห์โดยปริมาตรเสร็จ
Web site: http://blog.bru.ac.th/wp-content/uploads/bp-attachments/8425/6-บทที่-3-การวิเคราะห์โดยปริมาตรเสร็จ.pdf

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ - ปริมาตรการวิเคราะห์ (Volumetric Analysis)
Web site: https://chemistry.mju.ac.th/goverment/25610518095245_chemistry/Doc_25621203160011_387642.pdf

 



Pharmaceutical Reagents

สารเคมีเกรดยาที่ใช้ในห้องปฏิบัติการมีความบริสุทธิ์สูงประมาณ 95% หรือมากกว่า สารในกลุ่มนี้ในสภาพจริงยังสามารถแยกออกได้อีกหลายระดับ ตามคุณภาพของการผลิตของบริษัทผู้ผลิต สารเคมีเกรดนี้มีคุณภาพเทียบเท่าาสารเคมีเกรดยา (Pharmaceutical grade) เนื่องจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจาก Method หรือกระบวนการตามระบบ Pharmacopia ซึ่งสามารถทวนสอบกลับ (Treaceable) ไปยังมาตรฐาน Pharmacopia สากลนั้นๆได้ โดยรวมแล้วจะมีการกำหนดมาตรฐานไว้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น National Formulary (N.F.) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะประกอบด้วย

ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่ใช้สารเคมีประเภท Pharmaceutical Reagents ส่วนมากจะเป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตยา เครื่องสำอางและอาหาร

  • BP : British Pharmaceutical
  • BPC : British Pharmaceutical Codex
  • USP : United State Pharmaceutic


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

เกรดของสารเคมี (Chemical grade)
Web site:
 https://sites.google.com/a/rbru.ac.th/computerappliedinchemistry/karte-ri-ym-sarlalay?tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplates%2Fprint%2F&showPrintDialog=1

Chemicals and preparation of chemical solutions
Web site:
 http://old-book.ru.ac.th/e-book/c/CM337/CM337-3.pdf



General Reagents

สารเคมีเกรดทั่วไปที่ใช้ในห้องปฏิบิติการ ซึ่งสามารถจำแนกตามระดับความบริสุทธิ์ได้หลายประเภท ดังนี้

  • สารเคมีเกรดวิเคราะห์ทั่วไป (Chemical Pure grade: C.P. grade)
    ความบริสุทธิ์ (Purity): มีความบริสุทธิ์สูงกว่าเกรด Technical ไม่มาก แต่ระดับความบริสุทธิ์เท่าใดนั้น จะขึ้นอยู่กับบริษัทที่ผลิตเป็นผู้กำหนด
    การนำไปใช้งาน (Application): สารเคมีเกรดนี้ส่วนมากนิยมใช้ในห้องปฏิบัติการทั่วไปที่ใช้สำหรับการเตรียมสารละลายที่ความเข้มข้นต่างๆ
    ตัวอย่างการใช้งาน: เหมาะกับการใช้งานทั่วๆไปในห้องปฏิบัติการ เช่น การเตรียมสารละลาย โซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) จากตัวอย่างที่เป็นของแข็ง
     
  • สารเคมีเกรดห้องแล็ป (Lab grade / Laboratory grade: LAB / L.G.)
    ความบริสุทธิ์ (Purity): สารเคมีเกรดแล็ปโดยทั่วไปมีความบริสุทธิ์สูงกว่า 95% ผู้ผลิตรับร้องความบริสุทธิ์และปริมาณสูงสุกของสารปนเปื้น
    การนำไปใช้งาน (Application): เหมาะกับการใช้งานทั่วๆไปในห้องปฏิบัติการ หรืองานวิเคราะห์อื่นๆ เช่น งานคุณภาพวิเคราะห์ และใช้ในการเตรียมสารละลายมาตรฐานทุติยภูมิ ไม่เหมาะที่จะใช้เตรียมสารมาตรฐานปฐมภูมิ
    ตัวอย่างการใช้งาน: ใช้เตรียมสารละลายมาตรฐานทุติยภูมิ เพื่อทดสอบสิ่งเจือปนในตัวยาสำคัญ

     
  • สารเคมีเกรดงานวิเคราะห์ (Analytical reagent grade / AR grade / Reagent grade)
    ความบริสุทธิ์ (Purity): เป็นสารเคมีที่มีความบริสุทธิ์สูงมากกว่า 99% ซึ่งสูงกว่าสารเคมีในห้องปฏิบัติการ มีปริมาณสิ่งเจือปนน้อยหรือไม่เกิน 0.02% โดยทั่วไปบริษัทผู้ผลิตจะต้องระบุปริมาณ และชนิดของสิ่งเจือปนไว้บนฉลากอย่างชัดเจน
    การนำไปใช้งาน (Application): มักใช้ในงานเคมีวิเคราะห์ทั้งทางด้านคุณภาพและปริมาณในห้องปฏิบัติการ ไม่เหมาะสำหรับใช้ในงานทั่วไป เพราะมีราคาสูงกว่าปกติ แต่จะเหมาะสำหรับใช้ในงานวิเคราะห์ที่ต้องการความถูกต้อง แม่นยำสูงๆ
     
  • สารเคมีเกรด ACS Certified (American Chemical Society: A.C.S. grade)
    ความบริสุทธิ์ (Purity): มีความบริสุทธิ์สูง มีคุณสมบัติเหมือนกันกับสารเคมีเกรดงานวิเคราะห์ (A.R. grade) แต่เพิ่มเติมคือได้รับการรับรอง ความบริสุทธิ์ตรงตามมาตรฐานที่ระบุไว้โดย Reagent Chemicals Committee of the American Chemical Society
    การนำไปใช้งาน (Application): ใช้ในงานเคมีวิเคราะห์ วิจัยในห้องปฏิบัติการเช่นเดียวกับ A.R. grade แต่มีการกำหนดมาตรฐานการใช้งานสารเคมีตามแต่ละข้อบังคับของผู้ใช้งาน


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

รีเอเจนต์ หน่วยความเข้มข้น และการคำนวณ.
January 10, 2018, from : oservice.skru.ac.th
Web site:
http://oservice.skru.ac.th/ebookft/811/chapter_4.pdf

สารเคมีและความปลอดภัย.
January 11, 2018, from : agri.wu.ac.th
Web site:
https://sites.google.com/a/rbru.ac.th/computerappliedinchemistry/karte-ri-ym-sarlalay

Aaron, S. (2017). The Seven Most Common Grades for Chemicals and Reagents.
Web site:
https://www.labmanager.com/business-management/2017/11/the-seven-most-common-grades-for-chemicals-and-reagents#.Wl1--K6WbIV

Korean L. (2013). A guide to Chemical Grades.
Web site :
http://camblab.info/wp/index.php/a-guide-to-chemical-grades/



Fuel Cell

เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมีอย่างหนึ่งคล้ายกับแบตเตอรี่ แต่แตกต่างกันที่เซลล์เชื้อเพลิงนั้นออกแบบมาให้มีการเติมไฮโดรเจน และออกซิเจนตลอดเวลา ซึ่งช่วยขจัดปัญหาความจุที่จำกัดของแบตเตอรี่ออกไป นอกจากนี้ที่ขั้วไฟฟ้าของแบตเตอรี่จะเข้าทำปฏิกิริยาเมื่อถูกอัดประจุ หรือคายประจุ ในขณะที่ขั้วไฟฟ้าของเซลล์เชื้อเพลิงเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและค่อนข้างเสถียร เซลล์เพลิงทุกชนิดจะให้กระแสไฟฟ้าที่ 1.16 โวลต์ต่อเซลล์ ประกอบด้วยอิเล็คโทด 2 ขั้ว คือขั้วแคโทด (Cathode) หรือขั้วบวก ขั้วแอโนด (Anode) หรือขั้วลบ แต่ละขั้วประกอบด้วยแท่งคาร์บอนที่มีรูพรุน 2 แท่งทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้า ที่ผิวของแท่งคาร์บอนมีผงแพลทินัมหรือแพลเลเดียมผสมยู่เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ขั้วไฟฟ้าทั้งสองจุ่มอยู่ในอิเล็คโทรไลต์ (Electrolyte) ซึ่งอาจเป็นสารละลาย NaOH หรือ KOH ที่จะพากระแสไฟจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่ง และยังประกอบด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาของอิเล็คโทรไลต์ ให้เกิดกระแสไฟฟ้ามากขึ้น

ปฏิกิริยาทีเกิดขึ้น

ที่แคโทด                                  O2 (g) + 2H2O (l) + 4e-   ----->  4OH(aq)
ที่แอโนด                                  2H2(g) + 4OH(aq)          ----->  4H2O (l) + 4e(s)
ปฏิกิริยารวม                              O2  (g) + 2H(g)             ----->  2H2O (l)

ประเภทของเซลล์เชื้อเพลิง

เซลล์เชื้อเพลิงทำงานโดยการเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นกระแสไฟฟ้าโดยตรงซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพสูงกว่าการเปลี่ยนรูปพลังงานเป็นพลังงานกลก่อน แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ใช้เปลี่ยนรูปพลังงานชนิดนี้มีประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ในระดับ 30-35% เท่านั้น ส่วนเซลล์เชื้อเพลิงในบางรูปแบบเปลี่ยนพลังงานของเชื้อเพลิงไปเป็นไฟฟ้าได้ถึง 80% เพราะเป็นการเปลี่ยนพลังงานทางเคมีโดยตรง

เซลล์เชื้อเพลิงในปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีลักษณะการทำงานโดยทั่วไปคืออะตอมของไฮโดรเจนจะถูกจ่ายเข้าสู่เซลล์เชื้อเพลิงทางขั้วแอโนด (Anode) และเกิดปฏิกิริยาทางเคมีแยกอิเล็คตรอน (Electron) ออก ทำให้ไฮโดรเจนอะตอมอยู่ในสภาวะ "Ionized" ผ่าน Electrolyte ไปยังแคโทด (Cathode) ที่มีออกซิเจนอยู่ทำให้เกิดการรวมตัวกันกลายเป็นน้ำไหลออกมา ส่วนอิเล็คตรอนก็จะวิ่งอยู่ภายนอกเป็นกระแสขับเคลื่อนทางไฟฟ้า แม้จะมีแรงดันโวลต์เพียงเล็กน้อย คือ 1.16 V ต่อ Cell ต้องต่อพ่วงกันหลาย ๆ เซลล์ ทำให้ได้แรงดันไฟฟ้าระดับที่ต้องการได้

เซลล์เชื้อเพลิงที่มีใช้งานในปัจจุบันนั้น แต่ละชนิดจะมีโครงสร้างและปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเคมีที่แตกต่างกัน ทำให้การนำมาประยุกต์ใช้งานแตกต่างกันด้วย ซึ่งสามารถสรุปโดยย่อได้ดังนี้

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบแอลคาไลน์ (Alkaline Fuel Cell, AFC) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด   (50–70%) แต่เนื่องจากระบบไวต่อการปนเปื้อนมาก จึงจำเป็นต้องใช้ไฮโดรเจนและออกซิเจน ที่บริสุทธิ์เท่านั้น ทำให้ระบบโดยรวมมีราคาสูงมาก ดังนั้นเซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้จะถูกใช้ในงานด้านอวกาศ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพ สูงสุด อุณหภูมิขณะที่ทำงานอยู่ต่ำกว่า 80 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ของเสียที่ได้จากเซลล์เชื้อเพลิงคือ น้ำบริสุทธ์ ซึ่งนักบินอวกาศสามารถใช้บริโภคได้

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบกรดฟอสฟอริก (Phosphoric Acid Fuel Cell, PAFC) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงชนิดแรกที่สามารถสร้างขึ้นในเชิงพาณิชย์ มีระดับอุณหภูมิในการทำงานประมาณ 210 องศาเซลเซียส สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 200 กิโลวัตต์ มีประสิทธิภาพประมาณ 35–50% มักนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ในสถานที่ขนาดเล็กต่างๆ เช่น โรงแรมและสำนักงานต่างๆ เป็นต้น
  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบเกลือคาร์บอเนตหลอม (Molten Carbonate Fuel Cell, MCFC) เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้เหมาะสม สำหรับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่สำหรับจำหน่ายไฟฟ้า มีอุณหภูมิการทำงานที่สูงมากประมาณ 650 องสาเซลเซียส สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้สูงถึง 2 เมกะวัตต์ และยังให้ไอน้ำความดันสูงออกมา ซึ่งสามารถนำมาช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าในลักษณะความร้อนร่วมได้ เป็นผลทำให้ประสิทธิภาพของระบบโดยรวมสูงขึ้นถึง 80-85 เปอร์เซ็นต์ และเนื่องจากทำงานที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง ทำให้ไม่ต้องใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ จึงทำให้ระบบโดยรวมมีราคาที่ต่ำกว่า

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง (Solid Oxide Fuel Cell, SOFC) เซลล์เชื้อเพลิงชนิดมีอุณหภูมิในการทำงานที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ คือ ประมาณ 800–1000 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับโรงงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีไอน้ำอุณหภูมิสูง เป็นผลผลิตจากกระบวนการทางเคมี ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในลักษณะความร้อนร่วมได้เช่นเดียวกับเซลล์เชื้อเพลิงแบบเกลือคาร์บอเนตหลอม ทำให้ประสิทธิภาพของระบบเพิ่มขึ้นสูงถึงประมาณ 80-85 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในระบบที่ต้องการกำลังไฟฟ้าสูงมากๆ นั้นเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง จะมีราคาถูกกว่าระบบที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงแบบเกลือคาร์บอเนตหลอม
  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบเมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอน (Proton Exchange Membrane Fuel Cell, PEMFC) เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้ได้รับความนิยมมาก ในการนำมาประยุกต์ใช้งาน เนื่องจากมีอุณหภูมิในการทำงานที่ไม่สูงมากนัก และราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับเซลล์เชื้อเพลิง ชนิดอื่น รวมถึงมีประสิทธิภาพที่สูง (35–60%) เชื้อเพลิงที่ใช้คือ ไฮโดรเจน (บริสุทธ์ที่ 99.99%) และอากาศ ปัจจุบันนำมาประยุกต์ใช้งานด้านต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการนำมาเป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน สำหรับรถยนต์หรือรถโดยสารสาธารณะ รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดระแสไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อใช้ภายในที่อยู่อาศัย เป็นต้น

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบป้อนสารเมทานอลโดยตรง (Direct Methanol Fuel Cell, DMFC) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงที่ถูกพัฒนาจากเมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอน แตกต่างจากเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆคือ ใช้เมทานอลเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี ในเรื่องของการจัดการเชื้อเพลิงที่สะดวกกว่า หากแต่ให้แรงดันไฟฟ้าที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้จำเป็นต้องใช้เซลล์เป็นจำนวนมากมาต่ออนุกรมกันเพื่อให้ได้แรงดันสูงพอ เป็นผลให้เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้มีประสิทธิภาพต่ำที่สุด (ประมาณ 35–40%) เมื่อเทียบกับเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้มีอุณหภูมิในการทำงานค่อนข้างต่ำ และใช้เมทานอลเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เหมาะที่จะใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา เป็นต้น..

จากลักษณะเฉพาะดังกล่าวข้างต้น ทำให้เซลล์เชื้อเพลิงแบบเมมเบรมแลกเปลี่ยนโปรตอน (PEMFC) เป็นที่นิยมสูงสุดในการนำมาใช้เป็นต้นกำลังในภาคคมนาคมขนส่ง เนื่องจากมีขนาดกะทัดรัด และให้พลังงานสูงเมื่อเทียบกับน้ำหนัก เริ่มทำงานได้รวดเร็ว สามารถทำงานได้ที่อุณหภูมิต่ำ และอายุการทำงานยาวกว่าเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่น หากแต่มีข้อเสียคือ ต้นทุนการผลิตสูงและต้องการเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูง สำหรับอุปกรณ์ต่อเนื่องที่ใช้กับเซลล์เชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะมีลักษณะที่เหมือนกัน หากจะแตกต่างกันตรงขนาดกำลังไฟฟ้าที่ทำงานได้เท่านั้น

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

กรมพัฒนาพลังงานทดแทน กระทรวงพลังงาน - เครือข่ายพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน
Web site:
 http://www2.dede.go.th/hydronet/01Knowledge/01Fuel%20Cell/FuelCellMain.html

เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cells)
Web site:
 https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7156-fuel-cells


 

Precious Metals & Catalysts

โลหะมีค่า (Precious  Metal) เป็นกลุ่มโลหะที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าโลหะทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำปฏิกิริยารีดอกซ์ เป็นโลหะที่หายากนิยมทำเป็นเครื่องประดับ เช่น เงิน ทองคำ แพลทินัม โรเดียม อิริเดียม ออสเมียม รีเนียม รูทีเนียม ทองขาว โลหะที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับในปัจจุบัน คือ ทอง เงิน และแพลตินั่ม ซึ่งจุดเด่นของโลหะทั้ง 3 ชนิด คือ มีความอ่อนตัว ไม่เปราะ หาได้ยากและมีความสวยงาม โลหะมีค่าที่มีมูลค่าด้านเศรษฐกิจสูงที่สุดหรือราคาแพงที่สุดคือ โรเดียม ซึ่งราคาสูงกว่าทองคำประมาณ 10 เท่า มีจุดหลอมละลายสูง

Precious  Metal ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมปัจจุบัน เช่น แพลทินัม (Platinum), ทอง (Gold) และ เงิน (Silver) เป็นต้น

แพลทินัม (Platinum)

แพลทินัม หรือ ทองคำขาว จัดเป็นโลหะมีค่า เนื่องจากมีปริมาณน้อยในธรรมชาติ (พบยากกว่าทองคำประมาณ 35 เท่า) ทั้งยังมีสมบัติที่ดีในหลายด้าน โดยเป็นโลหะชนิดหนึ่งในตระกูล "กลุ่มโลหะแพลทินัม (Platinum Group Metals)" ซึ่งประกอบด้วยโลหะ 6 ประเภท ได้แก่

  • แพลทินัม (Platinum)
  • แพลเลเดียม (Palladium)
  • อิริเดียม (Iridium)
  • โรเดียม (Rhodium)
  • ออสเมียม (Osmium)
  • รูทีเนียม (Ruthenium)

ซึ่งพบได้จากแร่ (Ores) ในธรรมชาติ นอกจากโลหะในกลุ่มทั้ง 6 ชนิดที่กล่าวมาแล้ว ยังคงมีโลหะอีก 2 ชนิดที่ถูกจัดว่าเป็นโลหะมีค่าเช่นกัน นั่นคือ เงินและทองคำ โดยโลหะแพลทินัมเป็นโลหะที่มีความหนาแน่นประมาณ 21.45 g/cm3 (ซึ่งหนักกว่าทองคำที่มีความหนาแน้่น 19.32 g/cm3) มีอุณหภูมิหลอมเหลวประมาณ 1769 oC (ขณะที่ทองคำมีอุณหภูมิหลอมเหลว 1064 oC) แพลทินัมมีสีขาวและยังคงมีสีขาวสว่างในบรรยากาศปกติได้จนถึงอุณหภูมิหลอมเหลว นอกจากนี้ยังทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำเหลือเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโลหะชนิดอื่นๆ ดังตารางต่อไปนี้

อนุกรมแกลวานิกสำหรับโลหะและโลหะผสมเชิงพาณิชย์บางชนิดในน้ำทะเล
(Galvanic series of some commercial metals and alloys in seawater)

สมบัติอีกประการหนึ่งของแพลทินัมที่ดีกว่าทองคำก็คือแพลทินัมมีความแข็ง (Hardness) และแข็งแรง (Strength) สูงกว่าทองคำ ทำให้เครื่องประดับที่ทำจากแพลทินัมมีความทนทานต่อการขีดข่วนและการเกิดเป็นริ้วรอยโดยไม่สูญเสียเนื้อโลหะได้ดีกว่าทองคำ ยกตัวอย่างเช่น บริเวณเนื้อโลหะที่จับยึดไว้กับพวกเพชร พลอย ถ้าเป็นทองคำ (Gold) หรือ ทองขาว (White Gold) มักจะเกิดการสึกหรอหลังจากการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ทำให้ต้องมีการเติมโลหะเพิ่มเข้าไปเพื่อให้พลอยไม่หลุดออกง่ายๆ ซึ่งแตกต่างจากการใช้แพลทินัม (ทองคำขาว) ซึ่งจะมีความคงทนในส่วนดังกล่าวมากกว่า

นอกจากนี้โลหะแพลทินัมยังมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในอุปกรณ์ต่างๆ มากมายนอกเหนือไปจากเครื่องประดับ ยกตัวอย่างเช่น Thermocouple connectors, Crucible for molten glass and salt, Spark plug electrode, High temperature HCl container เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่กล่าวมาส่วนใหญ่จะเป็นแพลทินัมที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ และก็ยังมีอุปกรณ์อีกมากมายที่ใช้โลหะแพลทินัมแต่อยู่ในรูปโลหะผสม (Alloys) เช่น เทอร์โมคัปเปิล (10Rh-Pt etc.) และ แม่เหล็ก (23Co-Pt) เป็นต้น

ทอง (Gold)

ทองเป็นโลหะที่มีสีเหลืองอร่าม มีความแวววาวอยู่เสมอ โดยทองจะไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศจึงทำให้สีของทองไม่หมอง ไม่เกิดสนิม ทองเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุดจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ทองสามารถขึ้นรูปได้ง่าย สำหรับความบริสุทธิ์ของทอง เรียกว่า  “เค (Karat - K)” ซึ่งความบริสุทธิ์ของทองนั้นจะขึ้นกับปริมาณธาตุที่ผสมซึ่งมีหน่วยเป็นกะรัต โดย 1 กะรัตมีค่ประมาณ 4.17% ของโลหะผสมทั้งหมด ดังนั้นทองบริสุทธิ์ 100% คือ ทอง 24K หรือทอง 24 กะรัต โดยทั่วไปเครื่องประดับที่ทำจากทองจะไม่ใช่ทองบริสุทธิ์ เนื่องจากขาดความแข็งแรงจึงมีการเติมธาตุอื่นผสมเข้าไป เช่น ทองแดง นิกเกิล เป็นต้น

ทองคำ เป็นธาตุโลหะทรานซิชันสีเหลืองทองมันวาวเนื้ออ่อนนุ่ม สามารถยืดและตีเป็นแผ่นได้ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีส่วนใหญ่ ทองคำใช้เป็นทุนสำรองทางการเงินของหลายประเทศ ใช้ประโยชน์เป็นเครื่องประดับ งานทันตกรรม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ทองคำจะมีความแวววาวอยู่เสมอ  ไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนดังนั้น เมื่อสัมผัสถูกอากาศ สีของทองจะไม่หมองและไม่เกิดสนิม มีความอ่อนตัว ทองคำเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุด ด้วยทองเพียงประมาณ 2 บาท สามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร หรืออาจตีเป็นแผ่นบางได้ถึง 100 ตารางฟุต ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถนำไฟฟ้าและสะท้อนความร้อนได้ดี

ทองคำได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในวงการเครื่องประดับ เพราะเป็นโลหะมีค่าชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน 4 ประการซึ่งทำให้ทองคำโดดเด่น และเป็นที่ต้องการเหนือบรรดาโลหะมีค่าทุกชนิดในโลก คือ

  • งดงามมันวาว (Lustre) สีสันที่สวยงามตามธรรมชาติผสานกับความมันวาวก่อให้เกิดความงามอันเป็นอมตะ ทองคำสามารถเปลี่ยนเฉดสีทองโดยการนำทองคำไปผสมกับโลหะมีค่าอื่นๆ  ช่วยเพิ่มความงดงามให้แก่ทองคำได้อีกทางหนึ่ง
  • คงทน (Durable) ทองคำไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง และไม่ผุกร่อน แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป 3000 ปีก็ตาม
  • หายาก (Rarity) ทองเป็นแร่ที่หายาก กว่าจะได้ทองคำมาหนึ่งออนซ์ (31.167 gram) ต้องถลุงก้อนแร่ที่มีทองคำอยู่เป็นจำนวนหลายตัน และต้องขุดเหมืองลึกลงไปหลายสิบเมตร จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นเหตุให้ทองคำมีราคาแพงตามต้นทุนในการผลิต
  • นำกลับไปใช้ได้ (Reusable) ทองคำเหมาะสมที่สุดต่อการนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เพราะมีความเหนียวและอ่อนนิ่มสามารถนำมาทำขึ้นรูปได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยการทำให้บริสุทธิ์ (purified) ด้วยการหลอมได้อีกโดยนับครั้งไม่ถ้วน

เงิน (Silver)

เงิน เป็นโลหะทรานซิชัน สีขาวเงิน มีสมบัติการนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดีมาก ในธรรมชาติอาจรวมอยู่ในแร่อื่นๆ หรืออยู่อิสระ โดยเงินใช้ประโยชน์ในการทำเหรียญ เครื่องประดับ ภาชนะบนโต๊ะอาหาร และอุตสาหกรรมการถ่ายรูป สำหรับเงินที่นิยมใช้ในการผลิตเครื่องประดับ คือ STERLING SILVER ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีเงินร้อยละ 92.5 โลหะเงินเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวใกล้เคียงกับทอง ดังนั้นการนำเงินมาขึ้นรูปเลียนแบบทองสามารถทำได้ง่ายและมีความละเอียดอ่อนเหมือนทอง

งินเป็นธาตุในกลุ่มโลหะหนัก เป็นโลหะที่มีผิวเป็น มันวาว มีความหนาแน่น 10.5 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจุดหลอมเหลว 960 oC โลหะเงินไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารและกรดอินทรีย์ ด้วยเหตุนี้เงินจึงนำไปใช้ทำเครื่องประดับ งานชุบเงิน เครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ เงินตรา และใช้ผสมกับโลหะอื่นๆ ทำเหรียญต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้เงินมีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด จึงมีการนำเงินไปใช้เป็นตัวคอนแทคท์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า และหน้าสัมผัสในงานไฟฟ้า รวมไปถึงเครื่องวัดด้วยแสงที่ต้องการความเที่ยงตรงของสเกล เช่น กล้องโทรทัศน์ กล้องทีโอโดไลต์ (สำหรับวัดมุมและระดับในงานก่อสร้าง) เป็นต้น

เงินจัดเป็นโลหะมีค่าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ แต่มีราคาถูกกว่าทองคำโดยประมาณถึง 70 เท่า คุณสมบัติของเงินคล้ายทองคำ คือมีโครงสร้างผลึกแบบ FCC ทำให้สามารถแปรรูปได้ง่าย และมีสีขาวเงิน หรือเรียกว่า Silver White ซึ่งส่วนนี้ทำให้โลหะเงินมีผิวมันเงา และสามารถนำมาขัดมันได้อย่างดี ซึ่งคุณสมบัตินี้เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านศิลปะกรรมต่างๆ มีความเหนียวสูง และความสามารถในการตีขึ้นรูปได้ดีเมื่อเทียบกับโลหะชนิดอื่น ยกเว้นทองคำ มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ดีพอควร แต่เครื่องใช้และเครื่องประดับเงินนั้นก็มีข้อเสีย คือ ผิวเงินเมื่อสัมผัสกับอากาศเป็นเวลานานจะสามารถเปลี่ยนเป็นสีดำ ได้เนื่องจากทำปฏิกิริยากับกำมะถันในอากาศ (ธาตุซัลเฟอร์ หรือ สารประกอบที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ) ทำให้เกิดความหมอง เงินนั้นมักพบเป็นผลพลอยได้จากการถลุงโลหะชนิดอื่นๆ เช่น ทองคำ ตะกั่ว ทองแดง เป็นต้น และเงินที่ใช้ในปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภท ได้แก่

  • เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver)
  • เงินเหรียญ (Coin Silver)
  • เงินแผ่น (Silver Plate)
  • เงินบริตทานเนีย (Britannia Silver)
  • เงินเมกซิกัน (Mexican Silver)
  • เงินสปริง (Spring Silver)

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

โลหะมีค่า (Precious Metal)
Web site: https://sites.google.com/site/resourcemanagemen00/loha-mi-kha-precious-metal

Precious Metal Catalyst
Web site: https://www.alfa-chemistry.com/products/precious-metal-catalyst-4.htm

Metals World - แพลทินัม
Web site: https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/220_65-68.pdf

AC NEWS - หุ้นทอง
Web site: http://www.acnews.net/detailnews.php?news_id=N255705743


Zeolite

Zeolites เป็นผลึก Aluminosilicate ที่มีรูพรุนในระดับ Micro มีพื้นที่ผิวสูง ซึ่งประกอบด้วยอะตอมของ Silicon (Si) และ Aluminium (Al) เป็นหลัก เชื่อมต่อกันด้วยอะตอมของ Oxigen (O) ปัจจุบัน Zeolites ที่ถูกค้นพบมีมากกว่า 600 ชนิด แต่สามารถแบ่งกลุ่มตามชนิดของโครงสร้างได้ประมาณ 40 ชนิด ซึ่งจะแบ่งตาม Topology ของแต่ละ Pattern ที่แตกต่างกันไปตามอัตราส่วน ของ Siligate:Aluminosiligate โดย Zeolites แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่ต่างกันเช่น โครงสร้างผลึก ความหนาแน่น ขนาดของโพรง ความแข็งแรงของพันธะ เป็นต้น

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ให้บริการนำเข้า Zeolites สำหรับใช้วิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการหลากหลายประเภท จากแบรนด์ Alfa Aesar เช่น Zeolite Y, Zeolite ZSM-5, Zeolite Beta (β), Zeolite Ferrierite (FER) และ Zeolite Mordenite (MOR) เพื่อให้ครอบคลุมตามการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม โดยมีขนาดและอัตราส่วนระหว่าง Silicon ต่อ Aluminium (SiO2 : Al2O3) ที่หลายหลายตั้งแต่ S.A. (400 m2/g ~ 925m2/g) และ 5.1:1 ถึง 200-400:1

รายการสินค้า Zeolite Y จากแบรนด์ Alfa Aesar

ซีโอไลต์ Y นิยมใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับกระบวนการ Cracking ในอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันปิโตเลียมร่วมกับการให้อุณหภูมิความร้อนสูง เพื่อเปลี่ยนแปลงส่วนของน้ำมันดิบที่เดือดให้กลายเป็น น้ำมันเบนซิน ดีเซล และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีค่ามากขึ้น


 

รายการสินค้า Zeolite ZSM-5 จากแบรนด์ Alfa Aesar

ซีโอไลต์ ZSM-5 สามารถประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมในปัจจุบันได้หลากหลายประเภท เช่น ปฏิกิริยา Isomerization ของสารประกอบ Hydrocarbon การทำ Alkylation ของ Alkane รวมถึงการใช้เป็นเร่งปฏิกิริยาต่างๆ ซึ่ง ZSM-5 เป็นซีโอไลต์ชนิดที่นิยมใช้มากสุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากมีราคาถูกและหาได้ง่าย


 

รายการสินค้า Zeolite β จากแบรนด์ Alfa Aesar

ซีโอไลต์ Beta เป็นหนึ่งในซีโอไลต์ที่นิยมใช้มากในอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับ ZSM-5 โดยมีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีขนาด Pore Size ที่ค่อนข้างกว้าง จึงสามารถกักเก็บหรือดูดซับสารประกอบต่างๆได้ดี ตัวอย่างการใช้งาน เช่น ปฏิกิริยา Isomerization ของ Parafiln Wax และปฏิกิริยา Friedel Crafts (Alkylation / Acylation)


 

รายการสินค้า Zeolite Ferrierite จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างการใช้งานซีโอไลต์ Ferrierite (FER) เช่น การใช้เป็นตัวกรองสำหรับการคัดแยก Molecule ตามแต่ละขนาด ใช้ในการแลกเปลี่ยนไอออนของสาร ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลง Isomerization ของ n-Butenes ไปเป็น Isobutene


 

 รายการสินค้า Zeolite Mordenite จากแบรนด์ Alfa Aesar 

ซีโอไลต์ ชนิด Mordenite (MOR) สามารถใช้เป็น Acid-Catalyzed สำหรับปฏิกิริยา Isomerization ของ Alkanes และ Aromatics

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999


Carbon Based Materials

วัสดุที่มีธาตุคาร์บอนเป็นหลัก (carbonbased materials) คาร์บอนเป็นธาตุที่รู้จักกันแพร่หลายและเป็นองค์ประกอบหลักของสิ่งมีชีวิต ส่วนมากแล้วอะตอมของคาร์บอนจะยึดกันเองหรือยึดกับอะตอมของธาตุอื่นด้วยพันธะโคเวเลนซ์ (Covalent Bond) ซึ่งเป็นการเกาะยึดที่แข็งแรง การยึดกันเองของอะตอมคาร์บอนทำให้เกิดเป็นโมเลกุลหรือโครงสร้างใหญ่ขึ้นมาได้หลากหลาย เช่น โครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์ซึ่งมีสมบัติทางกายภาพ อาทิ ความแข็ง การหักเหแสงที่แตกต่างกันมากซึ่งเป็นผลจากรูปแบบการจัดเรียงอะตอมที่ต่างกัน

นอกจากนี้เมื่ออะตอมของคาร์บอนไปยึดกับอะตอมของธาตุอื่นๆ และมีการเรียงตัวในแบบต่างๆ ก็จะทำให้เกิดเป็นสารมากมายหลายอย่างที่แตกต่างกัน เช่น เกิดเป็นข้าว เผือก ไม้ ทั้งนี้แล้วแต่ระบบจัดการของธรรมชาติโดยธรรมชาติมีวิธีควบคุม ดูแล หรือจัดการให้มีการจัดเรียงอะตอมทำให้เกิดเป็นโครงสร้างแบบต่างๆ อย่างหลากหลายและเป็นระบบทั้งรูปแบบที่เป็นผลึก (Crystal) และอสัณฐาน (Amorphous) ปัจจุบันเราค้นพบรูปแบบใหม่ของคาร์บอนที่กำลังเป็นที่สนใจและมีการวิจัยกันอย่างกว้างขวาง

ฟูลเลอร์รีนคาร์บอน 60 (Fullerenes C60)

ซึ่งมีชื่อเล่นว่า บักกีบอล (Buckeyballs) เป็นกลุ่มของอะตอมคาร์บอนที่เกาะกันเป็นรูปวงแหวนห้าเหลี่ยมผสมกับหกเหลี่ยมซึ่งวงแหวนเหล่านี้จะมาเกาะสลับกันเป็นโครงสร้างสามมิติมีรูปทรงคล้ายลูกฟุตบอล  โดยได้ค้นพบตั้งแต่ พ.ศ. 2528 นอกจาก C60 แล้วยังมี C70 ซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกรักบี้และอื่น ๆ จนถึงประมาณ C120 โดยความต่างกันของโมเลกุลเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของจำนวนวงแหวนแต่ละชนิดและรูปแบบการจัดเรียงเป็นสำคัญ โมเลกุลเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนานาโนเทคโนโลยีอย่างมาก เช่น จากผลการวิจัยพบว่าเมื่อนำอะตอมของโลหะเข้าไปวางในลูกบักกีบอลได้จะทำให้สมบัติการนำไฟฟ้าดีขึ้นซึ่งเหมาะกับการที่จะนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กและยังลดปัญหาการถูกทำลายหรือการเสื่อมสภาพและไม่เสถียร เมื่อเทียบกับการใช้อะตอมของโลหะตามลำพังดังในปัจจุบัน

          โครงสร้าง Buckeyballs

ท่อนาโนคาร์บอน (Carbon Nano-Tubes)

มีลักษณะเป็นท่อเปิดรูปทรงกระบอกเหมือนการม้วนพับของแผ่นแกรไฟต์ โดยมีความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อซึ่งเล็กมากที่พบมากประมาณ 4 นาโนเมตร (เล็กกว่าเส้นผมประมาณ 40,000 เท่า) โดยอัตราส่วนของความยาวต่อความกว้างของท่อประมาณ 10,000 เท่า  สมบัติทางกายภาพที่สำคัญของท่อนาโนคาร์บอน คือ ความแข็ง โดยความแข็งของวัสดุนาโนชนิดนี้เท่ากับความแข็งของเพชรซึ่งแข็งมากกว่าเหล็กกล้าประมาณ 100 เท่า ในขณะที่มีน้ำหนักเพียง 1 ใน 6 เมื่อคิดจากปริมาตรที่เท่ากัน ท่อนาโนคาร์บอนนำความร้อนและนำกระแสไฟฟ้าได้ดีมากเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามสมบัติการนำไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงค่อนข้างกว้างมาก คือ สามารถมีสมบัติของตัวนำตั้งแต่โลหะ สารกึ่งโลหะ ไปจนถึงฉนวนซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างของโมเลกุลคาดกันว่าสมบัติเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกในอนาคตขึ้นอยู่กับเทคนิคการสังเคราะห์


โครงสร้าง Carbon Nano-Tubes

เนื่องจากสมบัติที่แข็งและเบาจึงได้มีการพิจารณาในเชิงวัสดุศาสตร์เกี่ยวกับการนำท่อนาโนคาร์บอนไปใช้ในการสร้างอากาศยาน ปัจจุบันลำตัวของเครื่องบินทำจากวัสดุที่มีอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบถึงแม้อะลูมิเนียมแข็งน้อยกว่าเพชรมากแต่เบาสามารถทำให้เป็นรูปต่างๆ ได้ดีโดยไม่เปราะหรือแตกง่ายและราคาไม่แพง แต่หากใช้ท่อนาโนคาร์บอนเครื่องบินจะมีน้ำหนักลดลงได้ถึง 50 เท่าโดยมีความแข็งแรงเท่ากันหรือมากกว่าและคาดว่าต้นทุนจะต่ำกว่าเดิม นอกจากเครื่องบินแล้วยังอาจนำไปใช้กับยานอวกาศด้วยการพัฒนาด้านวัตถุดิบโดยใช้นาโนเทคโนโลยีจะทำให้ประสิทธิภาพเชิงพาณิชย์ของธุรกิจการบินสามารถปรับตัวดีขึ้นอีกมาก ปัจจุบันได้มีการนำท่อนาโนคาร์บอนมาใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ที่ใช้สมบัติในระดับจุลภาคของสาร เช่น กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอมแบบกราด รวมทั้งการใช้เป็นส่วนผสมกับวัสดุอื่น เช่น พอลิเมอร์เพื่อทำให้โครงสร้างของผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า สายนาโน (nanowire) ซึ่งจะสามารถใช้เป็นชิ้นส่วนทรานซิสเตอร์หรือประตูสัญญาณตรรกะ (Logic Gates) อันจะทำให้เกิดการปฏิวัติกระบวนการผลิตในระบบอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

วัสดุนาโน (Nanomaterials)
Web site:
 https://www.trueplookpanya.com/blog/content/62230

CleanPNG - Chemistry Cartoon
Web site: https://www.cleanpng.com/png-buckminsterfullerene-carbon-molecule-chemistry-2579662/

How Carbon Nanotubes are Redefining Strength of Materials
Web site: https://matmatch.com/blog/how-carbon-nanotubes-are-redefining-strength-of-materials/


Carbon Based Materials

วัสดุนาโนสารกึ่งตัวนำและโลหะ (semiconductor and metal nanomaterials) เนื่องจากอนุภาคนาโนมีขนาดเล็กจิ๋วและมีพื้นที่ผิวต่อปริมาตรมากจึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษในอุตสาหกรรมสารเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) ซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่ผิวโดยตรงและยังนำไปใช้เป็นตัวตามรอยโดยเฉพาะในโครงสร้างที่เล็กมากและยากต่อการติดตามหากนำอนุภาคนาโนไปติดตั้งหรือวางตามตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์หรือโครโมโซมจะทำให้เราสามารถติดตามการทำงานของระบบเหล่านั้นได้ดีที่สำคัญ ได้แก่

ไทเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2)
      หรือไทเทเนียเป็นทั้งสารกึ่งตัวนำและเซรามิก สารชนิดนี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ใช้เป็นอนุภาคระดับไมโครหรือ 10-6 เช่น เป็นส่วนผสมของสีทาบ้านและเครื่องสำอางเพื่อทำ ให้บริเวณที่ใช้มีความสว่างขึ้นและอยู่ทน เนื่องจากสารนี้มีลักษณะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเชิงแสง (Photocatalyst) จึงได้ถูกนำมาใช้ฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำหรือตัวฟอกอากาศ แต่เมื่ออนุภาคไทเทเนียมีขนาดเล็กลงจนถึงระดับนาโนทำให้สัดส่วนของพื้นที่ผิวต่อปริมาตรเพิ่มขึ้นมากและสมบัติสำคัญบางอย่าง เช่น การหักเหแสงนั้นจะเปลี่ยนไปทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการเกิดปฏิกิริยาและประโยชน์ต่อการใช้งานมากขึ้น การสังเคราะห์อนุภาคนาโนไทเทเนียด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น เชิงเคมี เชิงกล หรือแบบใช้ความร้อนสูงจะทำให้ได้อนุภาคนาโนที่มีสมบัติโดยเฉพาะด้านกายภาพและเสถียรภาพต่างกันตามจุดประสงค์การใช้งาน อย่างไรก็ตามการสังเคราะห์อนุภาคนาโนเพื่อให้ได้ผลผลิตมากพอคุ้มทุน อนุภาคมีเสถียรภาพสูงพอและอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ยังต้องมีการศึกษาวิจัยกันต่อไป

ซิงก์ซัลไฟด์ (ZnS)
      เป็นสารกึ่งตัวนำที่เรืองแสงที่ใช้ในการทำจอภาพเครื่องรับรู้อุปกรณ์เกี่ยวกับเลเซอร์ เป็นต้น สำหรับอนุภาคระดับนาโนนั้นได้มีการใช้ประโยชน์จากสมบัติที่เกี่ยวกับการเรืองแสง เช่น การทำให้เกิดภาพของระบบขนาดเล็กและใช้ติดตามการทำงานของกลไกต่างๆ โดยเฉพาะในระดับเล็กลงไปจากเซลล์ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาด้านชีวภาพและการแพทย์

เงิน (Ag)
      เป็นที่รู้จักกันอย่างดีมานานกว่า 100 ปีพอๆ กับทองและทองแดง สมบัติของเงินที่สำคัญ คือ ที่เกี่ยวกับการนำความร้อนและนำไฟฟ้าในด้านสมบัติที่เกี่ยวกับการใช้เป็นตัวทำลายหรือยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคนั้นก็มีหลักฐานมายาวนานเช่นกันสำหรับอนุภาคนาโนของเงิน พบว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ผิวต่อปริมาตร ปัจจุบันได้มีความพยายามที่จะนำอนุภาคนาโนเงินมาใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องหนังเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ซึ่งมีสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรคที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ดังจะเห็นได้จากเสื้อนาโนที่มีจำหน่ายกันในปัจจุบัน

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

วัสดุนาโน (Nanomaterials)
Web site:
 https://www.trueplookpanya.com/blog/content/62230

Titanium Dioxide
Web site:
 https://en.wikipedia.org/wiki/Titanium_dioxide

Zinc Sulfide
Web site:
 https://en.wikipedia.org/wiki/Zinc_sulfide

Semiconductor Silver Sulfide Stretches Like Metal
Web site: https://cen.acs.org/materials/electronicMaterials/Semiconductor-silver-sulfide-stretches-like/96/web/2018/04


Nanomaterials

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด เป็นผู้นำเข้าสารเคมีและวัสดุนาโนสำหรับอุตสาหกรรมกลุ่ม Innovation Technology ที่มีการวิจัยในระดับนาโนจากแบรนด์ Alfa Aesar โดยมีรายการสินค้าให้บริการที่หลากหลายและคลอบคลุมทุกกลุ่มงานวิจัย

*สำหรับรายการสินค้าพร้อมจัดส่งที่ประเทศเกาหลี บริษัทตัดรอบการสั่งซื้อทุกสัปดาห์ และเป็นสินค้าที่ไม่ติดควบคุมส่งออก
**สต๊อกสินค้าจากผู้ผลิตมากกว่า 80% มีจุดกระจายสินค้า (Distributor Hub) อยู่ที่ประเทศเกาหลี

รายการสินค้า Nanomaterials จากแบรนด์ Alfa Aesar

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999


Inorganic Chlorides (High Pure Metal Salts)

Alfa Aesar มีจำหน่าย Metal Salts หลากหลายชนิด เช่น Copper, Iron, Lithium, Chromium, Nickel, Aluminum และอื่นๆ รวมถึง Precious Metals เช่น Gold, Platinum, Silver, Palladium เป็นต้น

Metallic Salts หรือ Metal Salts เป็นธาตุโลหะที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น Photo transistors, Photo voltaic cells, Transparent electrodes, Liquid crystal displays, IR detectors และ Anti-reflection coatings และอื่นๆอีกมากมาย

รายการสินค้า High Pure Metal Salts จากแบรนด์ Alfa Aesar

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999


Inorganic Oxides (High Pure Metal Oxides)

Alfa Aesar มีจำหน่าย Metal Oxides หลากหลายชนิด เช่น Aluminum oxide, Titanium oxide, Sodium oxide, Zinc oxide และอื่นๆ รวมถึง Various Oxidation สำหรับกลุ่ม Transition Metal เช่น Chromium(III) oxide, Chromium(VI) oxide เป็นต้น

Metallic Oxides หรือ Metal Oxides เป็นธาตุโลหะที่ส่วนมากมักใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆสำหรับการใช้เป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมเข้ากับตัวเร่งปฏิกิริยา (Supported Catalyst)

รายการสินค้า High Pure Metal Oxides จากแบรนด์ Alfa Aesar

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999


Inorganic Halides (High Pure Metal Halides)

Halides เป็นสารประกอบอนินทรีย์ที่ประกอบไปด้วยอะตอม Halogen มีประจุลบกับอะตอมของธาตุอื่นหรืออนุมูล Radical ที่มี Electropositive* มากกว่า Halogen สามารถเกิดพันธะได้หลายรูปแบบ เช่น Sodium Chloride (NaCl) ที่เชื่อมต่อกันด้วยพันธะไอออนิก แต่ในกรณีพันธะโควาเลนต์อาจเชื่อมต่อกันด้วยโมเลกุลที่ไม่ต่อเนื่อง เช่น Uranium Hexafluoride (UF6) หรืออาจสร้างพันธะจนเกิดเป็นโครงสร้าง Polymers เช่น Palladium Chloride (PdCl2) ในบางอุตสาหกรรมอาจ ใช้เป็นส่วนผสมของไอแก๊สในการผลิตหลอดแก้ว Halides Lamp ซึ่งส่วนมากจะใช้ Bromine (Br) และ Iodine (I) เป็นส่วนประกอบหลักของ Halides นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็น Lewis acids ในการทำปฏิกิริยาทางเคมีได้

* Electropositive คือ ไอออนบวกหรือ ธาตุที่มีประจุไฟฟ้าบวก ซึ่งมีแนวโน้มจะให้อิเล็กตรอน

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Fluorides จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Chlorates & Chlorites จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Chlorides จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Bromates & Bromites จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Bromides จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Iodates & Iodites จากแบรนด์ Alfa Aesar

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Iodides จากแบรนด์ Alfa Aesar

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999

Fuel Cell

เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมีอย่างหนึ่งคล้ายกับแบตเตอรี่ แต่แตกต่างกันที่เซลล์เชื้อเพลิงนั้นออกแบบมาให้มีการเติมไฮโดรเจน และออกซิเจนตลอดเวลา ซึ่งช่วยขจัดปัญหาความจุที่จำกัดของแบตเตอรี่ออกไป นอกจากนี้ที่ขั้วไฟฟ้าของแบตเตอรี่จะเข้าทำปฏิกิริยาเมื่อถูกอัดประจุ หรือคายประจุ ในขณะที่ขั้วไฟฟ้าของเซลล์เชื้อเพลิงเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและค่อนข้างเสถียร เซลล์เพลิงทุกชนิดจะให้กระแสไฟฟ้าที่ 1.16 โวลต์ต่อเซลล์ ประกอบด้วยอิเล็คโทด 2 ขั้ว คือขั้วแคโทด (Cathode) หรือขั้วบวก ขั้วแอโนด (Anode) หรือขั้วลบ แต่ละขั้วประกอบด้วยแท่งคาร์บอนที่มีรูพรุน 2 แท่งทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้า ที่ผิวของแท่งคาร์บอนมีผงแพลทินัมหรือแพลเลเดียมผสมยู่เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ขั้วไฟฟ้าทั้งสองจุ่มอยู่ในอิเล็คโทรไลต์ (Electrolyte) ซึ่งอาจเป็นสารละลาย NaOH หรือ KOH ที่จะพากระแสไฟจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่ง และยังประกอบด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst) ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาของอิเล็คโทรไลต์ ให้เกิดกระแสไฟฟ้ามากขึ้น

ปฏิกิริยาทีเกิดขึ้น

ที่แคโทด                                  O2 (g) + 2H2O (l) + 4e-   ----->  4OH(aq)
ที่แอโนด                                  2H2(g) + 4OH(aq)          ----->  4H2O (l) + 4e(s)
ปฏิกิริยารวม                              O2  (g) + 2H(g)             ----->  2H2O (l)

ประเภทของเซลล์เชื้อเพลิง

เซลล์เชื้อเพลิงทำงานโดยการเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นกระแสไฟฟ้าโดยตรงซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพสูงกว่าการเปลี่ยนรูปพลังงานเป็นพลังงานกลก่อน แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ใช้เปลี่ยนรูปพลังงานชนิดนี้มีประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ในระดับ 30-35% เท่านั้น ส่วนเซลล์เชื้อเพลิงในบางรูปแบบเปลี่ยนพลังงานของเชื้อเพลิงไปเป็นไฟฟ้าได้ถึง 80% เพราะเป็นการเปลี่ยนพลังงานทางเคมีโดยตรง

เซลล์เชื้อเพลิงในปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีลักษณะการทำงานโดยทั่วไปคืออะตอมของไฮโดรเจนจะถูกจ่ายเข้าสู่เซลล์เชื้อเพลิงทางขั้วแอโนด (Anode) และเกิดปฏิกิริยาทางเคมีแยกอิเล็คตรอน (Electron) ออก ทำให้ไฮโดรเจนอะตอมอยู่ในสภาวะ "Ionized" ผ่าน Electrolyte ไปยังแคโทด (Cathode) ที่มีออกซิเจนอยู่ทำให้เกิดการรวมตัวกันกลายเป็นน้ำไหลออกมา ส่วนอิเล็คตรอนก็จะวิ่งอยู่ภายนอกเป็นกระแสขับเคลื่อนทางไฟฟ้า แม้จะมีแรงดันโวลต์เพียงเล็กน้อย คือ 1.16 V ต่อ Cell ต้องต่อพ่วงกันหลาย ๆ เซลล์ ทำให้ได้แรงดันไฟฟ้าระดับที่ต้องการได้

เซลล์เชื้อเพลิงที่มีใช้งานในปัจจุบันนั้น แต่ละชนิดจะมีโครงสร้างและปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเคมีที่แตกต่างกัน ทำให้การนำมาประยุกต์ใช้งานแตกต่างกันด้วย ซึ่งสามารถสรุปโดยย่อได้ดังนี้

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบแอลคาไลน์ (Alkaline Fuel Cell, AFC) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด   (50–70%) แต่เนื่องจากระบบไวต่อการปนเปื้อนมาก จึงจำเป็นต้องใช้ไฮโดรเจนและออกซิเจน ที่บริสุทธิ์เท่านั้น ทำให้ระบบโดยรวมมีราคาสูงมาก ดังนั้นเซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้จะถูกใช้ในงานด้านอวกาศ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพ สูงสุด อุณหภูมิขณะที่ทำงานอยู่ต่ำกว่า 80 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ของเสียที่ได้จากเซลล์เชื้อเพลิงคือ น้ำบริสุทธ์ ซึ่งนักบินอวกาศสามารถใช้บริโภคได้

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบกรดฟอสฟอริก (Phosphoric Acid Fuel Cell, PAFC) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงชนิดแรกที่สามารถสร้างขึ้นในเชิงพาณิชย์ มีระดับอุณหภูมิในการทำงานประมาณ 210 องศาเซลเซียส สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 200 กิโลวัตต์ มีประสิทธิภาพประมาณ 35–50% มักนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ในสถานที่ขนาดเล็กต่างๆ เช่น โรงแรมและสำนักงานต่างๆ เป็นต้น
  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบเกลือคาร์บอเนตหลอม (Molten Carbonate Fuel Cell, MCFC) เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้เหมาะสม สำหรับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่สำหรับจำหน่ายไฟฟ้า มีอุณหภูมิการทำงานที่สูงมากประมาณ 650 องสาเซลเซียส สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้สูงถึง 2 เมกะวัตต์ และยังให้ไอน้ำความดันสูงออกมา ซึ่งสามารถนำมาช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าในลักษณะความร้อนร่วมได้ เป็นผลทำให้ประสิทธิภาพของระบบโดยรวมสูงขึ้นถึง 80-85 เปอร์เซ็นต์ และเนื่องจากทำงานที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง ทำให้ไม่ต้องใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ จึงทำให้ระบบโดยรวมมีราคาที่ต่ำกว่า

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง (Solid Oxide Fuel Cell, SOFC) เซลล์เชื้อเพลิงชนิดมีอุณหภูมิในการทำงานที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ คือ ประมาณ 800–1000 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับโรงงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีไอน้ำอุณหภูมิสูง เป็นผลผลิตจากกระบวนการทางเคมี ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในลักษณะความร้อนร่วมได้เช่นเดียวกับเซลล์เชื้อเพลิงแบบเกลือคาร์บอเนตหลอม ทำให้ประสิทธิภาพของระบบเพิ่มขึ้นสูงถึงประมาณ 80-85 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในระบบที่ต้องการกำลังไฟฟ้าสูงมากๆ นั้นเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง จะมีราคาถูกกว่าระบบที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงแบบเกลือคาร์บอเนตหลอม
  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบเมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอน (Proton Exchange Membrane Fuel Cell, PEMFC) เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้ได้รับความนิยมมาก ในการนำมาประยุกต์ใช้งาน เนื่องจากมีอุณหภูมิในการทำงานที่ไม่สูงมากนัก และราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับเซลล์เชื้อเพลิง ชนิดอื่น รวมถึงมีประสิทธิภาพที่สูง (35–60%) เชื้อเพลิงที่ใช้คือ ไฮโดรเจน (บริสุทธ์ที่ 99.99%) และอากาศ ปัจจุบันนำมาประยุกต์ใช้งานด้านต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการนำมาเป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน สำหรับรถยนต์หรือรถโดยสารสาธารณะ รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดระแสไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อใช้ภายในที่อยู่อาศัย เป็นต้น

  • เซลล์เชื้อเพลิงแบบป้อนสารเมทานอลโดยตรง (Direct Methanol Fuel Cell, DMFC) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงที่ถูกพัฒนาจากเมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอน แตกต่างจากเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆคือ ใช้เมทานอลเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี ในเรื่องของการจัดการเชื้อเพลิงที่สะดวกกว่า หากแต่ให้แรงดันไฟฟ้าที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้จำเป็นต้องใช้เซลล์เป็นจำนวนมากมาต่ออนุกรมกันเพื่อให้ได้แรงดันสูงพอ เป็นผลให้เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้มีประสิทธิภาพต่ำที่สุด (ประมาณ 35–40%) เมื่อเทียบกับเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้มีอุณหภูมิในการทำงานค่อนข้างต่ำ และใช้เมทานอลเป็นเชื้อเพลิง ทำให้เหมาะที่จะใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา เป็นต้น..

จากลักษณะเฉพาะดังกล่าวข้างต้น ทำให้เซลล์เชื้อเพลิงแบบเมมเบรมแลกเปลี่ยนโปรตอน (PEMFC) เป็นที่นิยมสูงสุดในการนำมาใช้เป็นต้นกำลังในภาคคมนาคมขนส่ง เนื่องจากมีขนาดกะทัดรัด และให้พลังงานสูงเมื่อเทียบกับน้ำหนัก เริ่มทำงานได้รวดเร็ว สามารถทำงานได้ที่อุณหภูมิต่ำ และอายุการทำงานยาวกว่าเซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่น หากแต่มีข้อเสียคือ ต้นทุนการผลิตสูงและต้องการเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูง สำหรับอุปกรณ์ต่อเนื่องที่ใช้กับเซลล์เชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะมีลักษณะที่เหมือนกัน หากจะแตกต่างกันตรงขนาดกำลังไฟฟ้าที่ทำงานได้เท่านั้น

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

กรมพัฒนาพลังงานทดแทน กระทรวงพลังงาน - เครือข่ายพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน
Web site: http://www2.dede.go.th/hydronet/01Knowledge/01Fuel%20Cell/FuelCellMain.html

เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cells)
Web site: https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7156-fuel-cells

Precious Metals & Catalysts

โลหะมีค่า (Precious  Metal) เป็นกลุ่มโลหะที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าโลหะทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำปฏิกิริยารีดอกซ์ เป็นโลหะที่หายากนิยมทำเป็นเครื่องประดับ เช่น เงิน ทองคำ แพลทินัม โรเดียม อิริเดียม ออสเมียม รีเนียม รูทีเนียม ทองขาว โลหะที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับในปัจจุบัน คือ ทอง เงิน และแพลตินั่ม ซึ่งจุดเด่นของโลหะทั้ง 3 ชนิด คือ มีความอ่อนตัว ไม่เปราะ หาได้ยากและมีความสวยงาม โลหะมีค่าที่มีมูลค่าด้านเศรษฐกิจสูงที่สุดหรือราคาแพงที่สุดคือ โรเดียม ซึ่งราคาสูงกว่าทองคำประมาณ 10 เท่า มีจุดหลอมละลายสูง

Precious  Metal ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมปัจจุบัน เช่น แพลทินัม (Platinum), ทอง (Gold) และ เงิน (Silver) เป็นต้น

แพลทินัม (Platinum)

แพลทินัม หรือ ทองคำขาว จัดเป็นโลหะมีค่า เนื่องจากมีปริมาณน้อยในธรรมชาติ (พบยากกว่าทองคำประมาณ 35 เท่า) ทั้งยังมีสมบัติที่ดีในหลายด้าน โดยเป็นโลหะชนิดหนึ่งในตระกูล "กลุ่มโลหะแพลทินัม (Platinum Group Metals)" ซึ่งประกอบด้วยโลหะ 6 ประเภท ได้แก่

  • แพลทินัม (Platinum)
  • แพลเลเดียม (Palladium)
  • อิริเดียม (Iridium)
  • โรเดียม (Rhodium)
  • ออสเมียม (Osmium)
  • รูทีเนียม (Ruthenium)

ซึ่งพบได้จากแร่ (Ores) ในธรรมชาติ นอกจากโลหะในกลุ่มทั้ง 6 ชนิดที่กล่าวมาแล้ว ยังคงมีโลหะอีก 2 ชนิดที่ถูกจัดว่าเป็นโลหะมีค่าเช่นกัน นั่นคือ เงินและทองคำ โดยโลหะแพลทินัมเป็นโลหะที่มีความหนาแน่นประมาณ 21.45 g/cm3 (ซึ่งหนักกว่าทองคำที่มีความหนาแน้่น 19.32 g/cm3) มีอุณหภูมิหลอมเหลวประมาณ 1769 oC (ขณะที่ทองคำมีอุณหภูมิหลอมเหลว 1064 oC) แพลทินัมมีสีขาวและยังคงมีสีขาวสว่างในบรรยากาศปกติได้จนถึงอุณหภูมิหลอมเหลว นอกจากนี้ยังทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำเหลือเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโลหะชนิดอื่นๆ ดังตารางต่อไปนี้

อนุกรมแกลวานิกสำหรับโลหะและโลหะผสมเชิงพาณิชย์บางชนิดในน้ำทะเล
(Galvanic series of some commercial metals and alloys in seawater)

สมบัติอีกประการหนึ่งของแพลทินัมที่ดีกว่าทองคำก็คือแพลทินัมมีความแข็ง (Hardness) และแข็งแรง (Strength) สูงกว่าทองคำ ทำให้เครื่องประดับที่ทำจากแพลทินัมมีความทนทานต่อการขีดข่วนและการเกิดเป็นริ้วรอยโดยไม่สูญเสียเนื้อโลหะได้ดีกว่าทองคำ ยกตัวอย่างเช่น บริเวณเนื้อโลหะที่จับยึดไว้กับพวกเพชร พลอย ถ้าเป็นทองคำ (Gold) หรือ ทองขาว (White Gold) มักจะเกิดการสึกหรอหลังจากการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ทำให้ต้องมีการเติมโลหะเพิ่มเข้าไปเพื่อให้พลอยไม่หลุดออกง่ายๆ ซึ่งแตกต่างจากการใช้แพลทินัม (ทองคำขาว) ซึ่งจะมีความคงทนในส่วนดังกล่าวมากกว่า

นอกจากนี้โลหะแพลทินัมยังมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในอุปกรณ์ต่างๆ มากมายนอกเหนือไปจากเครื่องประดับ ยกตัวอย่างเช่น Thermocouple connectors, Crucible for molten glass and salt, Spark plug electrode, High temperature HCl container เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่กล่าวมาส่วนใหญ่จะเป็นแพลทินัมที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ และก็ยังมีอุปกรณ์อีกมากมายที่ใช้โลหะแพลทินัมแต่อยู่ในรูปโลหะผสม (Alloys) เช่น เทอร์โมคัปเปิล (10Rh-Pt etc.) และ แม่เหล็ก (23Co-Pt) เป็นต้น

ทอง (Gold)

ทองเป็นโลหะที่มีสีเหลืองอร่าม มีความแวววาวอยู่เสมอ โดยทองจะไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศจึงทำให้สีของทองไม่หมอง ไม่เกิดสนิม ทองเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุดจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ทองสามารถขึ้นรูปได้ง่าย สำหรับความบริสุทธิ์ของทอง เรียกว่า  “เค (Karat - K)” ซึ่งความบริสุทธิ์ของทองนั้นจะขึ้นกับปริมาณธาตุที่ผสมซึ่งมีหน่วยเป็นกะรัต โดย 1 กะรัตมีค่ประมาณ 4.17% ของโลหะผสมทั้งหมด ดังนั้นทองบริสุทธิ์ 100% คือ ทอง 24K หรือทอง 24 กะรัต โดยทั่วไปเครื่องประดับที่ทำจากทองจะไม่ใช่ทองบริสุทธิ์ เนื่องจากขาดความแข็งแรงจึงมีการเติมธาตุอื่นผสมเข้าไป เช่น ทองแดง นิกเกิล เป็นต้น

ทองคำ เป็นธาตุโลหะทรานซิชันสีเหลืองทองมันวาวเนื้ออ่อนนุ่ม สามารถยืดและตีเป็นแผ่นได้ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีส่วนใหญ่ ทองคำใช้เป็นทุนสำรองทางการเงินของหลายประเทศ ใช้ประโยชน์เป็นเครื่องประดับ งานทันตกรรม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ทองคำจะมีความแวววาวอยู่เสมอ  ไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนดังนั้น เมื่อสัมผัสถูกอากาศ สีของทองจะไม่หมองและไม่เกิดสนิม มีความอ่อนตัว ทองคำเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุด ด้วยทองเพียงประมาณ 2 บาท สามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร หรืออาจตีเป็นแผ่นบางได้ถึง 100 ตารางฟุต ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถนำไฟฟ้าและสะท้อนความร้อนได้ดี

ทองคำได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในวงการเครื่องประดับ เพราะเป็นโลหะมีค่าชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน 4 ประการซึ่งทำให้ทองคำโดดเด่น และเป็นที่ต้องการเหนือบรรดาโลหะมีค่าทุกชนิดในโลก คือ

  • งดงามมันวาว (Lustre) สีสันที่สวยงามตามธรรมชาติผสานกับความมันวาวก่อให้เกิดความงามอันเป็นอมตะ ทองคำสามารถเปลี่ยนเฉดสีทองโดยการนำทองคำไปผสมกับโลหะมีค่าอื่นๆ  ช่วยเพิ่มความงดงามให้แก่ทองคำได้อีกทางหนึ่ง
  • คงทน (Durable) ทองคำไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง และไม่ผุกร่อน แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป 3000 ปีก็ตาม
  • หายาก (Rarity) ทองเป็นแร่ที่หายาก กว่าจะได้ทองคำมาหนึ่งออนซ์ (31.167 gram) ต้องถลุงก้อนแร่ที่มีทองคำอยู่เป็นจำนวนหลายตัน และต้องขุดเหมืองลึกลงไปหลายสิบเมตร จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นเหตุให้ทองคำมีราคาแพงตามต้นทุนในการผลิต
  • นำกลับไปใช้ได้ (Reusable) ทองคำเหมาะสมที่สุดต่อการนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เพราะมีความเหนียวและอ่อนนิ่มสามารถนำมาทำขึ้นรูปได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยการทำให้บริสุทธิ์ (purified) ด้วยการหลอมได้อีกโดยนับครั้งไม่ถ้วน

เงิน (Silver)

เงิน เป็นโลหะทรานซิชัน สีขาวเงิน มีสมบัติการนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดีมาก ในธรรมชาติอาจรวมอยู่ในแร่อื่นๆ หรืออยู่อิสระ โดยเงินใช้ประโยชน์ในการทำเหรียญ เครื่องประดับ ภาชนะบนโต๊ะอาหาร และอุตสาหกรรมการถ่ายรูป สำหรับเงินที่นิยมใช้ในการผลิตเครื่องประดับ คือ STERLING SILVER ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีเงินร้อยละ 92.5 โลหะเงินเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวใกล้เคียงกับทอง ดังนั้นการนำเงินมาขึ้นรูปเลียนแบบทองสามารถทำได้ง่ายและมีความละเอียดอ่อนเหมือนทอง

เงินเป็นธาตุในกลุ่มโลหะหนัก เป็นโลหะที่มีผิวเป็น มันวาว มีความหนาแน่น 10.5 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจุดหลอมเหลว 960 oC โลหะเงินไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารและกรดอินทรีย์ ด้วยเหตุนี้เงินจึงนำไปใช้ทำเครื่องประดับ งานชุบเงิน เครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ เงินตรา และใช้ผสมกับโลหะอื่นๆ ทำเหรียญต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้เงินมีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด จึงมีการนำเงินไปใช้เป็นตัวคอนแทคท์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า และหน้าสัมผัสในงานไฟฟ้า รวมไปถึงเครื่องวัดด้วยแสงที่ต้องการความเที่ยงตรงของสเกล เช่น กล้องโทรทัศน์ กล้องทีโอโดไลต์ (สำหรับวัดมุมและระดับในงานก่อสร้าง) เป็นต้น

เงินจัดเป็นโลหะมีค่าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ แต่มีราคาถูกกว่าทองคำโดยประมาณถึง 70 เท่า คุณสมบัติของเงินคล้ายทองคำ คือมีโครงสร้างผลึกแบบ FCC ทำให้สามารถแปรรูปได้ง่าย และมีสีขาวเงิน หรือเรียกว่า Silver White ซึ่งส่วนนี้ทำให้โลหะเงินมีผิวมันเงา และสามารถนำมาขัดมันได้อย่างดี ซึ่งคุณสมบัตินี้เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านศิลปะกรรมต่างๆ มีความเหนียวสูง และความสามารถในการตีขึ้นรูปได้ดีเมื่อเทียบกับโลหะชนิดอื่น ยกเว้นทองคำ มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ดีพอควร แต่เครื่องใช้และเครื่องประดับเงินนั้นก็มีข้อเสีย คือ ผิวเงินเมื่อสัมผัสกับอากาศเป็นเวลานานจะสามารถเปลี่ยนเป็นสีดำ ได้เนื่องจากทำปฏิกิริยากับกำมะถันในอากาศ (ธาตุซัลเฟอร์ หรือ สารประกอบที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ) ทำให้เกิดความหมอง เงินนั้นมักพบเป็นผลพลอยได้จากการถลุงโลหะชนิดอื่นๆ เช่น ทองคำ ตะกั่ว ทองแดง เป็นต้น และเงินที่ใช้ในปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภท ได้แก่

  • เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver)
  • เงินเหรียญ (Coin Silver)
  • เงินแผ่น (Silver Plate)
  • เงินบริตทานเนีย (Britannia Silver)
  • เงินเมกซิกัน (Mexican Silver)
  • เงินสปริง (Spring Silver)

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

โลหะมีค่า (Precious Metal)
Web site: https://sites.google.com/site/resourcemanagemen00/loha-mi-kha-precious-metal

Precious Metal Catalyst
Web site: https://www.alfa-chemistry.com/products/precious-metal-catalyst-4.htm

Metals World - แพลทินัม
Web site: https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/220_65-68.pdf

AC NEWS - หุ้นทอง
Web site: http://www.acnews.net/detailnews.php?news_id=N255705743

Zeolite

Zeolites เป็นผลึก Aluminosilicate ที่มีรูพรุนในระดับ Micro มีพื้นที่ผิวสูง ซึ่งประกอบด้วยอะตอมของ Silicon (Si) และ Aluminium (Al) เป็นหลัก เชื่อมต่อกันด้วยอะตอมของ Oxigen (O) ปัจจุบัน Zeolites ที่ถูกค้นพบมีมากกว่า 600 ชนิด แต่สามารถแบ่งกลุ่มตามชนิดของโครงสร้างได้ประมาณ 40 ชนิด ซึ่งจะแบ่งตาม Topology ของแต่ละ Pattern ที่แตกต่างกันไปตามอัตราส่วน ของ Siligate:Aluminosiligate โดย Zeolites แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่ต่างกันเช่น โครงสร้างผลึก ความหนาแน่น ขนาดของโพรง ความแข็งแรงของพันธะ เป็นต้น

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ให้บริการนำเข้า Zeolites สำหรับใช้วิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการหลากหลายประเภท จากแบรนด์ Thermo Scientific เช่น Zeolite Y, Zeolite ZSM-5, Zeolite Beta (β), Zeolite Ferrierite (FER) และ Zeolite Mordenite (MOR) เพื่อให้ครอบคลุมตามการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม โดยมีขนาดและอัตราส่วนระหว่าง Silicon ต่อ Aluminium (SiO2 : Al2O3) ที่หลายหลายตั้งแต่ S.A. (400 m2/g ~ 925m2/g) และ 5.1:1 ถึง 200-400:1

 

รายการสินค้า Zeolite Y จากแบรนด์ Thermo Scientific

ซีโอไลต์ Y นิยมใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับกระบวนการ Cracking ในอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันปิโตเลียมร่วมกับการให้อุณหภูมิความร้อนสูง เพื่อเปลี่ยนแปลงส่วนของน้ำมันดิบที่เดือดให้กลายเป็น น้ำมันเบนซิน ดีเซล และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีค่ามากขึ้น


 

รายการสินค้า Zeolite ZSM-5 จากแบรนด์ Thermo Scientific

ซีโอไลต์ ZSM-5 สามารถประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมในปัจจุบันได้หลากหลายประเภท เช่น ปฏิกิริยา Isomerization ของสารประกอบ Hydrocarbon การทำ Alkylation ของ Alkane รวมถึงการใช้เป็นเร่งปฏิกิริยาต่างๆ ซึ่ง ZSM-5 เป็นซีโอไลต์ชนิดที่นิยมใช้มากสุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากมีราคาถูกและหาได้ง่าย


 

รายการสินค้า Zeolite β จากแบรนด์ Thermo Scientific

ซีโอไลต์ Beta เป็นหนึ่งในซีโอไลต์ที่นิยมใช้มากในอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับ ZSM-5 โดยมีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีขนาด Pore Size ที่ค่อนข้างกว้าง จึงสามารถกักเก็บหรือดูดซับสารประกอบต่างๆได้ดี ตัวอย่างการใช้งาน เช่น ปฏิกิริยา Isomerization ของ Parafiln Wax และปฏิกิริยา Friedel Crafts (Alkylation / Acylation)


 

รายการสินค้า Zeolite Ferrierite จากแบรนด์ Thermo Scientific

ตัวอย่างการใช้งานซีโอไลต์ Ferrierite (FER) เช่น การใช้เป็นตัวกรองสำหรับการคัดแยก Molecule ตามแต่ละขนาด ใช้ในการแลกเปลี่ยนไอออนของสาร ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลง Isomerization ของ n-Butenes ไปเป็น Isobutene


 

 รายการสินค้า Zeolite Mordenite จากแบรนด์ Thermo Scientific

ซีโอไลต์ ชนิด Mordenite (MOR) สามารถใช้เป็น Acid-Catalyzed สำหรับปฏิกิริยา Isomerization ของ Alkanes และ Aromatics

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999

Inorganic Chlorides (High Pure Metal Salts)

Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม) มีจำหน่าย Metal Salts หลากหลายชนิด เช่น Copper, Iron, Lithium, Chromium, Nickel, Aluminum และอื่นๆ รวมถึง Precious Metals เช่น Gold, Platinum, Silver, Palladium เป็นต้น

Metallic Salts หรือ Metal Salts เป็นธาตุโลหะที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น Phototransistors, Photovoltaic cells, Transparent electrodes, Liquid crystal displays, IR detectors และ Anti-reflection coatings และอื่นๆอีกมากมาย

 

 

 

 

Inorganic Oxides (High Pure Metal Oxides)

Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม) มีจำหน่าย Metal Oxides หลากหลายชนิด เช่น Aluminum oxide, Titanium oxide, Sodium oxide, Zinc oxide และอื่นๆ รวมถึง Various Oxidation สำหรับกลุ่ม Transition Metal เช่น Chromium(III) oxide, Chromium(VI) oxide เป็นต้น

Metallic Oxides หรือ Metal Oxides เป็นธาตุโลหะที่ส่วนมากมักใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆสำหรับการใช้เป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมเข้ากับตัวเร่งปฏิกิริยา (Supported Catalyst)

 

 

 

Inorganic Halides (High Pure Metal Halides)

Halides เป็นสารประกอบอนินทรีย์ที่ประกอบไปด้วยอะตอม Halogen มีประจุลบกับอะตอมของธาตุอื่นหรืออนุมูล Radical ที่มี Electropositive* มากกว่า Halogen สามารถเกิดพันธะได้หลายรูปแบบ เช่น Sodium Chloride (NaCl) ที่เชื่อมต่อกันด้วยพันธะไอออนิก แต่ในกรณีพันธะโควาเลนต์อาจเชื่อมต่อกันด้วยโมเลกุลที่ไม่ต่อเนื่อง เช่น Uranium Hexafluoride (UF6) หรืออาจสร้างพันธะจนเกิดเป็นโครงสร้าง Polymers เช่น Palladium Chloride (PdCl2) ในบางอุตสาหกรรมอาจ ใช้เป็นส่วนผสมของไอแก๊สในการผลิตหลอดแก้ว Halides Lamp ซึ่งส่วนมากจะใช้ Bromine (Br) และ Iodine (I) เป็นส่วนประกอบหลักของ Halides นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็น Lewis acids ในการทำปฏิกิริยาทางเคมีได้

* Electropositive คือ ไอออนบวกหรือ ธาตุที่มีประจุไฟฟ้าบวก ซึ่งมีแนวโน้มจะให้อิเล็กตรอน

 

Application Example

Alfa Aesar ให้บริการจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Inorganic Halides หลากหลายชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยอะตอมของธาตุหมู่ VllA 
ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและสามารถใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรมโดยมีตัวอย่างการใช้งาน ดังนี้

Silver Halides : เป็นผลึกไวแสงจะไวต่อแสงคลื่นสั้น เช่น แสง Ultra Violet ใช้ในการผลิต Photographic Films 
Ferric / Aluminum Chlorides (FeCl3 / AlCl3) : ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับ Friedel-Crafts Reaction
Chloroplatinic acid (H2PtCl6) : ถูกใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญในกระบวนการ Hydrosilylation
Titanium tetrachloride (TiCl4) : เป็น Reagent สำหรับปฏิกิริยา Zeigler Natta Polymerization ของ Olefins

 

Tips.-

นอกจากนี้ Metal Halides ยังสามารถพบได้ในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น Calcium Fluoride (CaF2) ใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ 
เพื่อผลิตเป็นสารประกอบสำหรับเคลือบผิวฟัน หรือ Calcium Chloride (CaCl2) ที่เป็นสารที่ดูดซับความชื้นพบได้
ในอุสาหกรรมอาหารและการเกษตร เป็นต้น


 

 

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Fluorides จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Chlorates & Chlorites จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Chlorides จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Bromates & Bromites จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Bromides จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Iodates & Iodites จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

ตัวอย่างรายการสินค้ากลุ่ม Inorganic Iodides จากแบรนด์ Thermo Scientific (Alfa Aesar เดิม)

สำหรับสินค้าอื่นๆที่ไม่มีระบุในรายการท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้า 02-036-9999

Carbon Based Materials หรือ วัสดุที่มีธาตุคาร์บอนเป็นหลัก

คาร์บอนเป็นธาตุที่รู้จักกันแพร่หลายและเป็นองค์ประกอบหลักของสิ่งมีชีวิต ส่วนมากแล้วอะตอมของคาร์บอนจะยึดกันเองหรือยึดกับอะตอมของธาตุอื่นด้วยพันธะโคเวเลนซ์ (Covalent Bond) ซึ่งเป็นการเกาะยึดที่แข็งแรง การยึดกันเองของอะตอมคาร์บอนทำให้เกิดเป็นโมเลกุลหรือโครงสร้างใหญ่ขึ้นมาได้หลากหลาย เช่น โครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์ซึ่งมีสมบัติทางกายภาพ อาทิ ความแข็ง การหักเหแสงที่แตกต่างกันมากซึ่งเป็นผลจากรูปแบบการจัดเรียงอะตอมที่ต่างกัน

นอกจากนี้เมื่ออะตอมของคาร์บอนไปยึดกับอะตอมของธาตุอื่นๆ และมีการเรียงตัวในแบบต่างๆ ก็จะทำให้เกิดเป็นสารมากมายหลายอย่างที่แตกต่างกัน เช่น เกิดเป็นข้าว เผือก ไม้ ทั้งนี้แล้วแต่ระบบจัดการของธรรมชาติโดยธรรมชาติมีวิธีควบคุม ดูแล หรือจัดการให้มีการจัดเรียงอะตอมทำให้เกิดเป็นโครงสร้างแบบต่างๆ อย่างหลากหลายและเป็นระบบทั้งรูปแบบที่เป็นผลึก (Crystal) และอสัณฐาน (Amorphous) ปัจจุบันเราค้นพบรูปแบบใหม่ของคาร์บอนที่กำลังเป็นที่สนใจและมีการวิจัยกันอย่างกว้างขวาง

 

 

ฟูลเลอร์รีนคาร์บอน 60 (Fullerenes C60)

ซึ่งมีชื่อเล่นว่า บักกีบอล (Buckeyballs) เป็นกลุ่มของอะตอมคาร์บอนที่เกาะกันเป็นรูปวงแหวนห้าเหลี่ยมผสมกับหกเหลี่ยมซึ่งวงแหวนเหล่านี้จะมาเกาะสลับกันเป็นโครงสร้างสามมิติมีรูปทรงคล้ายลูกฟุตบอล  โดยได้ค้นพบตั้งแต่ พ.ศ. 2528 นอกจาก C60 แล้วยังมี C70 ซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกรักบี้และอื่น ๆ จนถึงประมาณ C120 โดยความต่างกันของโมเลกุลเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของจำนวนวงแหวนแต่ละชนิดและรูปแบบการจัดเรียงเป็นสำคัญ โมเลกุลเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนานาโนเทคโนโลยีอย่างมาก เช่น จากผลการวิจัยพบว่าเมื่อนำอะตอมของโลหะเข้าไปวางในลูกบักกีบอลได้จะทำให้สมบัติการนำไฟฟ้าดีขึ้นซึ่งเหมาะกับการที่จะนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กและยังลดปัญหาการถูกทำลายหรือการเสื่อมสภาพและไม่เสถียร เมื่อเทียบกับการใช้อะตอมของโลหะตามลำพังดังในปัจจุบัน

          โครงสร้าง Buckeyballs

 

ท่อนาโนคาร์บอน (Carbon Nano-Tubes)

มีลักษณะเป็นท่อเปิดรูปทรงกระบอกเหมือนการม้วนพับของแผ่นแกรไฟต์ โดยมีความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อซึ่งเล็กมากที่พบมากประมาณ 4 นาโนเมตร (เล็กกว่าเส้นผมประมาณ 40,000 เท่า) โดยอัตราส่วนของความยาวต่อความกว้างของท่อประมาณ 10,000 เท่า  สมบัติทางกายภาพที่สำคัญของท่อนาโนคาร์บอน คือ ความแข็ง โดยความแข็งของวัสดุนาโนชนิดนี้เท่ากับความแข็งของเพชรซึ่งแข็งมากกว่าเหล็กกล้าประมาณ 100 เท่า ในขณะที่มีน้ำหนักเพียง 1 ใน 6 เมื่อคิดจากปริมาตรที่เท่ากัน ท่อนาโนคาร์บอนนำความร้อนและนำกระแสไฟฟ้าได้ดีมากเมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามสมบัติการนำไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงค่อนข้างกว้างมาก คือ สามารถมีสมบัติของตัวนำตั้งแต่โลหะ สารกึ่งโลหะ ไปจนถึงฉนวนซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างของโมเลกุลคาดกันว่าสมบัติเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกในอนาคตขึ้นอยู่กับเทคนิคการสังเคราะห์


ตัวอย่างลักษณะโครงสร้าง Carbon Nano-Tubes

จากสมบัติที่แข็งและเบาจึงได้เกิดมีการพิจารณาในเชิงวัสดุศาสตร์เกี่ยวกับการนำท่อนาโนคาร์บอนไปใช้ในการสร้างอากาศยาน ปัจจุบันลำตัวของเครื่องบินทำจากวัสดุที่มีอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบถึงแม้อะลูมิเนียมแข็งน้อยกว่าเพชรมากแต่เบาสามารถทำให้เป็นรูปต่างๆ ได้ดีโดยไม่เปราะหรือแตกง่ายและราคาไม่แพง แต่หากใช้ท่อนาโนคาร์บอนเครื่องบินจะมีน้ำหนักลดลงได้ถึง 50 เท่าโดยมีความแข็งแรงเท่ากันหรือมากกว่าและคาดว่าต้นทุนจะต่ำกว่าเดิม นอกจากเครื่องบินแล้วยังอาจนำไปใช้กับยานอวกาศด้วยการพัฒนาด้านวัตถุดิบโดยใช้นาโนเทคโนโลยีจะทำให้ประสิทธิภาพเชิงพาณิชย์ของธุรกิจการบินสามารถปรับตัวดีขึ้นอีกมาก ปัจจุบันได้มีการนำท่อนาโนคาร์บอนมาใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ที่ใช้สมบัติในระดับจุลภาคของสาร เช่น กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอมแบบกราด รวมทั้งการใช้เป็นส่วนผสมกับวัสดุอื่น เช่น พอลิเมอร์เพื่อทำให้โครงสร้างของผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า สายนาโน (nanowire) ซึ่งจะสามารถใช้เป็นชิ้นส่วนทรานซิสเตอร์หรือประตูสัญญาณตรรกะ (Logic Gates) อันจะทำให้เกิดการปฏิวัติกระบวนการผลิตในระบบอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์

 

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก...

วัสดุนาโน (Nanomaterials)
Web site: https://www.trueplookpanya.com/blog/content/62230

Clean PNG - Chemistry Cartoon
Web site: https://www.cleanpng.com/png-buckminsterfullerene-carbon-molecule-chemistry-2579662/

How Carbon Nanotubes are Redefining Strength of Materials
Web site: https://matmatch.com/blog/how-carbon-nanotubes-are-redefining-strength-of-materials/

Boronic acids and boronic acid derivatives are important in organic synthesis and medicinal chemistry because of their versatility as synthetic intermediates in the preparation of complex molecules. We are pleased to provide a comprehensive portfolio of boronic acids for use in reactions, such as the powerful carbon-carbon bond-forming Suzuki–Miyaura palladium-catalyzed cross-coupling reaction, the Stille coupling, Sonogashira coupling, Chan–Lam coupling, Lieberskind–Strogl coupling, conjugate additions, homologations, and electrophilic allyl shifts.

 

Download Brochure: https://www.apexchemicals.co.th/upload/files/20220119090523_690.pdf

Visit website Acros Organics (Thermo Scientific)*: https://www.acros.com/portal/alias__Rainbow/lang__en/tabID__104/DesktopDefault.aspx

 


 

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้าทุกท่านทราบว่า ผลิตภัณฑ์ในเครือ Thermo Fisher Scientific ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายทางการค้าโดยทำการรวมกลุ่มแบรนด์ Acros Organics, Alfa Aesar และ Maybridge ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ Thermo Scientific เพียงแบรนด์เดียว โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความทับซ้อนของผลิตภัณฑ์ การบริการ และการเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

New building blocks, scaffolds, and advanced intermediates

Enhance the productivity and innovativeness of your structure-activity relationship (SAR) studies with new tools from Acros Organics.

Acros Organics is pleased to offer the medicinal chemist a diverse range of scaffolds, building blocks, and advanced intermediates, coupling agents, acids, bases, and solvents to help you attain results faster and more cost-effectively.

 

Competitive opportunities

Expand your pipeline rapidly and competitively with these new offerings from Acros Organics.  These unique molecules offer the following benefits:

  • advanced, rigid structures promise interesting binding properties
  • documented potential for pharmacological activity
  • multifunctional for synthetic diversity
  • orthogonally protected for regioselective derivatization
  • exotic, elegant structures allow for the design of new, "lean" target molecules
     

Chiral building blocks, scaffolds, and advanced intermediates

Through a collaboration with Chirotech (Dow Pharma), a leader in chirality and the application of technology, Acros Organics has recently added a highly valuable and unique selection of chiral scaffolds, building blocks and advanced intermediates to its product range.  This portfolio is sorted as follows. 

Scaffolds

  • functionalized cyclopentanes
  • functionalized piperidines

 

Building blocks and advanced intermediates

  • functional cyclopentanes
  • 2-alkyl succinates
  • alcohols
  • amines
  • amino acids
  • BOC amino                                     
  • FMOC amino acids
  • amino alcohols
  • diols
  • halo acids

 

Download รายการสินค้า SAR ที่นี่
 


 

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้าทุกท่านทราบว่า ผลิตภัณฑ์ในเครือ Thermo Fisher Scientific ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายทางการค้าโดยทำการรวมกลุ่มแบรนด์ Acros Organics, Alfa Aesar และ Maybridge ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ Thermo Scientific เพียงแบรนด์เดียว โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความทับซ้อนของผลิตภัณฑ์ การบริการ และการเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

The use of phosphine ligands is necessary for nearly all homogeneous catalysis with precious metals. 
The choice of the right ligand can influence:

  • the solubility of the active species
  • the shielding and sterical properties of the catalyst
  • the electron density at the metal atom
  • the reactivity of the catalyst in the catalytic cycle
  • the enantioselectivity of the reaction (with chiral ligands)
  • monodentate mono-, di- and triarylphosphines
  • monodentate trialkylphosphines
  • phosphine halogenides and ligand precursors
  • bidentate, non-chiral phosphine ligands
  • chiral phosphine ligands

 

Download Phosphine ligands Brochure Click Here!

 


บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้าทุกท่านทราบว่า ผลิตภัณฑ์ในเครือ Thermo Fisher Scientific ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายทางการค้าโดยทำการรวมกลุ่มแบรนด์ Acros Organics, Alfa Aesar และ Maybridge ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ Thermo Scientific เพียงแบรนด์เดียว โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความทับซ้อนของผลิตภัณฑ์ การบริการ และการเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

Organometallic compounds are amongst the most often used reagents in organic synthesis. 
The usage of organometallic compounds can be classified into several major applications:

  • strong bases
  • nucleophiles
  • metal exchange
  • reducing agents
  • polymerization initiator/catalyst
  • catalysts for organic reactions
  • material sciences

 

Download Brochure Click Here!

 


 

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด ขอเรียนแจ้งให้ลูกค้าทุกท่านทราบว่า ผลิตภัณฑ์ในเครือ Thermo Fisher Scientific ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายทางการค้าโดยทำการรวมกลุ่มแบรนด์ Acros Organics, Alfa Aesar และ Maybridge ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ Thermo Scientific เพียงแบรนด์เดียว โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความทับซ้อนของผลิตภัณฑ์ การบริการ และการเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น